จิตตปัญญาเวชศึกษา ๒๘๕: พิธีรับเสื้อกาวน์
การเรียนแพทย์ใช้เวลา ๖ ปีสำหรับปริญญาตรีแพทยศาสตร์บัณฑิต ปีต้นๆจะเรียนวิทยาศาสตร์พื้นฐานทางการแพทย์ เราเรียกว่า "ชั้นปรีคลินิก (pre-clinic)" เป็นการเรียนแบบที่ยังไม่ได้เจอะเจอคนไข้จริงในโรงพยาบาล หลังจากนั้นอีกประมาณครึ่งหนึ่งก็จะเป็น "ชั้นคลินิก (clinical years)" คือปีที่ ๔-๖ ที่นักศึกษาจะเรียนโดยปฏิบัติงานส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดในโรงพยาบาล
การขึ้นชั้นคลินิกนี่เองที่เป็น "จุดเปลี่ยน" ใหญ่ของการเรียนในหลักสูตรแพทยศาสตร์บัณฑิต และอาจจะเป็นอะไรที่แตกต่างจากวิชาสาขาอื่นๆทีเดียวก็ว่าได้ จุดเปลี่ยนนี้เป็นความจำเป็นของหลักสูตรที่จะผลิต หล่อหลอม แพทย์คนหนึ่งให้เกิดขึ้นมาได้
การเป็นแพทย์นั้น นอกเหนือจากความรู้ในตำรา (รวมทั้ง resource ต่างๆมากมายในยุค IT) งานของแพทย์ทำงานกับผู้คน โดยเฉพาะผู้ป่วย ที่มาด้วยความทุกข์ต่างๆนานาประการ ปฏิสัมพันธ์ระหว่างแพทย์กับผู้ป่วยก็มีผลอย่างสำคัญต่อผลลัพธ์ในการดูแลรักษา เป็นทักษะที่สำคัญอย่างมาก และว่าที่บัณฑิตแพทย์จะต้องบูรณาการความรู้ (ท่วมศีรษะ) เข้ากับทักษะในการทำงานกับผู้คนนี้ให้ได้มากที่สุดในระยะเวลาสามปีของชั้นคลินิก
นี่คือ "นัยยะ" ของการขึ้นชั้นคลินิก
และเป็นนัยยะที่ผมคิดว่าควรจะอยู่ในพิธีรับเสื้อกาวน์
เสื้อกาวน์ก็คือเสื้อที่นักศึกษาใช้ใส่ปฎิบัติงานในโรงพยาบาล เป็นเครื่องแบบประเภทหนึ่ง สมัยก่อนมี "หน้าที่หลัก" เป็นเสื้อคลุมปกป้องด้านใน แต่เดี๋ยวนี้น่าจะทำหน้าที่ "identify" คือบอกว่าใครเป็นใครมากกว่าหน้าที่ปกป้องแบบสมัยก่อน
ผมเห็นด้วยว่านักศึกษาที่กำลังเปลี่ยนชั้นจากปรีคลินิก มาขึ้นชั้นคลินิกนั้น ควรจะสำเนียกในนัยยะสำคัญนี้ให้มาก เป็นช่วงเวลา coming-of-age คือก้าวกระโดดของการเติบโตจากเด็กเป็นผู้ใหญ่ และสำเนียกตลอดเวลาที่อยู่ในชั้นคลินิก เนื่องจาก cinical skill นั้น ต้องเรียนรู้ตลอดชีวิต แต่ในสามปีของชั้นคลินิก นักศึกษาจะได้เรียนใน "สิ่งแวดล้อมควบคุม ดูแล" คือมีคนแนะนำ สั่งสอน สะท้อน ความรู้และสิ่งจำเป็นต่างๆ เลยสามปีนี้ไป เมื่อนักศึกษาหมดสภาวะนักเรียน ก็ต้อง "เรียนเอง" และรับผลกระทบจากการกระทำหรือการไม่กระทำด้วยตนเอง
ชุดเสื้อกาวน์ จึงมีความหมายของอภิสิทธิ์บางประการที่กำลังจะได้มา
สิทธิที่นักศึกษาจะได้สัมภาษณ์ผู้ป่วยและครอบครัว ได้รับทราบความทุกข์ ตระหนักถึงความหวัง/ความผิดหวัง ความกังวล ความเครียด ความกลัว และในเวลาเดียวกัน จะได้เรียนรู้พลังของความรักและเมตตาในการเยียวยาผู้คน ในการทำงานเพื่อบรรเทาทุกข์ของผู้คน ในการเสียสละความสุขส่วนตนในการปฏิบัติงานเพื่อคลายทุกข์ของคนอื่น เป็นเครื่องแบบที่จะใส่โดย "ผู้ที่ปวารณาตนเอง จะดำเนินชีวิตแบบหนึ่ง" (Professional มาจากคำว่า profiteri แปลว่า การประกาศตนในที่สาธารณะว่าจะยึดวิถีนี้เป็นสรณะในการดำเนินชีวิต)
พิธีรับเสื้อกาวน์ในความคิดคำนึงของผม จึงเป็นพิธีที่น่าจะทำออกมาในลักษณะที่สื่อถึง "นัยยะ" เหล่านี้ก็น่าจะดีและเหมาะสม ไม่ได้เน้นการถ่ายรูป รับดอกไม้ หรือแสดงความยินดีปรีดา แต่น่าจะเน้นที่ความเคร่งขรึม หน้าที่ และความสำนึกในความสำคัญที่กำลังต้องเพิ่มความรับผิดชอบของชีวิตตนเอง ที่จะต้องมีต่อสุขภาวะ และทุกข์ภาวะ ของชีวิตคนอื่นๆ
ก็จะเป็น "จุดเริ่มต้น" ชีวิตในชั้นคลินิกที่งดงาม เข้มแข็ง และมีแรงบันดาลใจ
น.พ.สกล สิงหะ (mode ชราภาพ รำพึงรำพัน)
หน่วยชีวันตาภิบาล คณะแพทยศาสตร์ ร.พ.สงขลานครินทร์
วันพุธที่ ๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ เวลา ๙ นาฬิกา ๑๙ นาที
วันขึ้น ๑๒ คำ่ เดือน ๓ ปีวอก
ไม่มีความเห็น