เสียงสะท้อน...จากสมาธิ


4 วันที่ได้ฟังนักศึกษาครูสมาธิ รุ่นที่ 39 สาขา 133 วัดสามัคคีผดุงพันธ์ จังหวัดสุราษฏร์ธานี ได้พูดแสดงความรู้สึก หลังจากพวกเขาได้เรียนจบหลักสูตรครูสมาธิ 6 เดือน..

..


..
การพูดแสดงความรู้สึกของนักศึกษาในครั้งนี้ พบว่า...

..


..
นักศึกษาที่เรียนหลักสูตรนี้ทุกท่านพูดบรรยายความรู้สึกออกมาเป็นเสียงเดียวกันว่า.. พวกเขานั้นขอกราบขอบพระคุณพระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร ที่ท่านทรงมีเมตตาถ่ายทอดวิชาสมาธิให้กับพวกเขาได้เรียนรู้และฝึกปฏิบัติกันมาตลอดระยะเวลา 6 เดือน

..


..
นักศึกษาหลายต่อหลายคนไม่เคยรู้จักสมาธิมาก่อน และการที่พวกเขาได้เข้ามาเรียนหลักสูตรครูสมาธิในครั้งนี้ ทำให้พวกเขารู้ว่า..การเรียนสมาธินั้น มันไม่ยากอย่างที่คิด
..

..
ในทางตรงกันข้ามแนวทางการปฏิบัติสมาธิตามแนวทางของพระอาจารย์หลวงพ่อฯนั้น....มันง่ายและเห็นผลได้ชัดเจน มีหลักการปฏิบัติที่เข้าใจง่าย และหลังจากปฏิบัติสมาธิไประยะหนึ่งแล้ว.. ทำให้รู้สึกว่า ตัวเองนั้นหลับง่าย หลับสบายขึ้น เคยมีอารมณ์ฉุนเฉียวร้ายกาจ แต่หลังจากทำสมาธิแล้ว ใจกลับเย็นขึ้น จิตใจอ่อนโยนขึ้น และมีความสุขที่มากกว่าความสุขที่ตัวเองเคยพบเจอมา บางท่านก็ยังบอกอีกว่า...ตัวเองนั้นมีสติมากกว่าก่อน คิดหรือทำสิ่งใดก็รอบคอบมากขึ้น.....ฯลฯ
...


...
...
อาจารย์จรี เสียงแจ้ว ผู้ดูแลสาขาที่ 133 และตัวผู้เขียนเอง ได้กล่าวชื่นชมและให้กำลังใจนักศึกษา....
..


..
หลายต่อหลายข้อคิดเห็นที่อาจารย์จรี และตัวผู้เขียนได้กล่าวชื่นชมนักศึกษานั้น ....ทำให้เราต่างรับรู้ความรู้สึกระหว่างกันได้เป็นอย่างดีว่า..
..
เมื่อเรามีพลังศรัทธาที่เหมือนกันคล้ายกัน... เราก็ได้มาพบเจอสิ่งดีงามที่เหมือนกัน
..
สมาธินั้น..ทำให้เรามีศักยภาพในการใช้ชีวิตมากขึ้น ทำให้เราสามารถควบคุมจิตใจของเราได้ดีขึ้น และมีชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข
..


..
สมาธินั้น...ถึงแม้นว่าจะเป็นนามธรรม แต่อย่างไรเสีย..เมื่อเราได้ปฏิบัติแล้ว เราสามารถสัมผัสสมาธิได้จากหัวใจของเรา
..
..
ผู้เขียนยังได้กล่าวกับนักศึกษาตามแนวทางของพระอาจารย์หลวงพ่อฯอีกด้วยว่า...สมาธินั้นเราต้องรักษาเอาไว้ให้มันคงเส้นคงวา ทำสมาธินั้นให้เหมือนกับการชักเรือใบ ที่แล่นไปกลางทะเล
..
นั่นคือ..เมื่อแล่นเรือใบไปกลางทะเลแล้ว...ครั้นเราเจอคลื่นลมแรง..เราก็ลดใบเรือลง และคราใดเมื่อลมอ่อนลง..เราก็ชักใบเรือขึ้นให้เรือมันแล่นต่อไป
..
คำพูดนี้...หมายความว่าอย่างไร?
..
..
หมายความอย่างนี้...
..
เมื่อทำสมาธิแล้วเกิดความสงบ แต่ในความสงบนั้น..หากมันมีมากเกินไป มันก็จะทำให้เราเคลิ้มได้ เมื่อเราเคลิ้ม เราอาจหลง อาจเสียสติ สติของเราก็จะแตกได้
..
การผ่อนใบเรือลงนั่นเท่ากับว่า...ให้เรายึดทางสายกลาง คือทำไม่มากเกินไป ไม่น้อยเกินไป ทำสมาธิไปเรื่อย ๆ พอดี ๆ พลังจิตมันก็จะเพิ่มไปตามลำดับขั้นตอนของมัน...และไม่เป็นมิจฉาทิฎฐิ(เห็นผิดไปจากความจริง)
..


..

ผุู้เขียนยังพูดเพิ่มเติมตามแนวทางของพระอาจารย์หลวงพ่ออีกครับว่า...อย่าให้เราคิดครับว่าเราทำสมาธิแล้วไม่เห็นได้อะไร?....การที่เราทำสมาธิเพียงแค่ช้างกระดิกหู งูแลบลิ้น.... เราก็ได้สมาธิแล้ว
..
..
ภาพแห่งความทรงจำ...ที่ผู้เขียนนึกถึงคำพูดของพระอาจารย์หลวงพ่อฯ มันก็ปรากฏขึ้นมากลางใจ ณ ช่วงเวลานั้น ช่วงเวลาที่ได้พูดคุยกับนักศึกษา
..


..
และนี่คือเสี้ยวหนึ่ง..ของความทรงจำ....ที่ครั้งหนึ่งในชีวิตของผู้เขียนที่ได้ถ่ายทอดคำสอนของพระอาจารย์หลวงพ่อฯให้นักศึกษาครูสามาธิฟัง..มันเป็นภาพแห่งความสุขที่เกิดขึ้นอย่างประหลาดครับ

หมายเลขบันทึก: 620870เขียนเมื่อ 30 ธันวาคม 2016 21:33 น. ()แก้ไขเมื่อ 28 พฤศจิกายน 2020 23:29 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

สวัสดีปีไก่ครับคุณแสงฯ...ขอให้มีความสุขสวัสดีตลอดทั้งปีนะครับ

เมื่อทำสมาธิแล้วเกิดความสงบ แต่ในความสงบนั้น..หากมันมีมากเกินไป มันก็จะทำให้เราเคลิ้มได้ เมื่อเราเคลิ้ม เราอาจหลง อาจเสียสติ สติของเราก็จะแตกได้ ...

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท