สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูถัมภ์
สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูถัมภ์ จัดตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๓ ด้วยความร่วมมือของกรมประชาสงเคราะห์ (เดิม) และองค์การสงเคราะห์เอกชน ๘ องค์การ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและประสานงานด้านสังคมสงเคราะห์ ทั้งของทางราชการและเอกชน ได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลเมื่อวันที่ ๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๐๓
วันที่ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๐๔ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รับสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทยไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์ และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รับเป็นองค์ประธานกิตติมศักดิ์ นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้น และเป็นสิริมงคลยิ่ง สภาสังคมสงเคราะห์ฯจึงถือว่าวันที่ ๑๐ สิงหาคมของทุกปีเป็นวันน้อมเกล้าฯ รำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ และได้จัดงานวันน้อมเกล้าฯ เป็นประจำทุกปี นอกจากนี้ยังทรงโปรดเกล้าฯ พระราชทานเงิน ๑ ล้าน เป็นทุนริเริ่มการสร้างตึกที่ทำการบนพื้นที่ของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ โดยพระราชทานนามตึกว่า “ตึกมหิดล” เพื่อเป็นการเทิดทูนพระเกียรติคุณในด้านสังคมสงเคราะห์ของสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก เมื่อการก่อสร้างแล้วเสร็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมด้วย สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จพระราชดำเนินมาทรงประกอบพิธีเปิดตึกนี้เมื่อวันที่ ๕ มีนาคม ๒๕๐๘
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ จ่ายพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์เป็นค่าเช่าที่ดิน อันเป็นที่ตั้งของ “ตึกมหิดล” เดือนละ ๔๐๐.- บาท ตั้งแต่เดือนกันยายน ๒๕๐๖ จนกระทั่งปัจจุบัน นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้นหาที่สุดมิได้
ขณะนี้สภาสังคมสงเคราะห์ แห่งประเทศไทยฯ มีสมาชิกจำนวน ๙๖๔ องค์การ
(ข้อมูล ณ วันที่ ๑๙ มกราคม ๒๕๕๘)
วันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๔๑ ศาสตราจารย์ประภาศน์ อวยชัย ซึ่งในขณะนั้นดำรงตำแหน่งประธานสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้นำคณะกรรมการจัดงานวันแม่แห่งชาติ เข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เพื่อทูลเกล้าฯ ถวายเงินรายได้จากการจำหน่ายดอกมะลิงานวันแม่แห่งชาติ ปี ๒๕๓๙ จำนวน ๒ ล้านบาท เพื่อสมทบทุน มูลนิธิศิลปาชีพ ณ พระที่นั่งบรมพิมาน
สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเงิน จำนวน ๒ ล้านบาท คืนให้สภาสังคมสงเคราะห์ฯ และได้มีพระราชเสาวนีย์ให้จัดตั้งเป็นกองทุนอาหารกลางวันเลี้ยงผู้ตกงานและผู้ประสบความทุกข์ยากเดือดร้อน รวมทั้งครอบครัวในภาวะวิกฤต โดยขอให้สภาสังคมสงเคราะห์ฯ ช่วยเป็นแกนกลางจัดเลี้ยงอาหารกลางวัน เพราะอาหารมื้อกลางวันถือเป็นมื้อสำคัญที่คนเราต้องใช้พลังงานกันมาก หากทุกคน มีความอิ่ม ไม่ต้องหิวโหยอาหาร ก็จะมีกำลังใจต่อสู้ชีวิต เป็นการช่วยลดปัญหาสังคมและปัญหาอาชญากรรมไปได้อีกทางหนึ่ง
สภาสังคมสงเคราะห์ฯ ได้น้อมเกล้าฯ รับพระราชเสาวนีย์ และพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ มาดำเนินการโดยจัดตั้งเป็นโครงการน้ำพระทัยพระราชทานเลี้ยงอาหารกลางวัน ผู้ตกงานและผู้ตกทุกข์ได้ยาก รวมทั้งครอบครัว ทุกวัน เว้นวันหยุดราชการ เริ่มตั้งแต่วันจันทร์ที่ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๔๑ เป็นต้นมา ณ บริเวณชั้น ๑ ตึกนวมหาราช สภาสังคมสงเคราะห์ฯ
ไม่มีความเห็น