เมื่อวานฉันเตรียมการเรียนการสอนไปอย่างตั้งใจเหมือนทุกครั้ง
แต่ตอนเข้าแถวหน้าเสาธง ทางโรงเรียนได้ประกาศว่า จะมีการทดสอบทักษะการอ่านและการเขียนนักเรียนระดับประถมศึกษาตอนปลาย (ป.4-ป.6)
ส่วนครูผู้คุมสอบนักเรียนในแต่ละห้อง ได้แก่ คุณครูประจำชั้นจากระดับชั้นต่าง ๆ ในระดับ ป.4/ป.6 คละกันไป โดยที่ครูประจำชั้นจะไม่มีทางได้ทำการทดสอบนักเรียนในห้องของตนเอง
ฉันได้เป็นครูสอนในระดับชั้น ป.3 ฉันคิดว่า ตัวฉันเองคงไม่มีชื่อเป็นคณะกรรมการ เพราะฉันมีชื่อในการเป็นคณะกรรมการคุมสอบนักเรียนในระดับชั้น ป.1- ป.3 ในวันพรุ่งนี้
แต่ผลปรากฏว่า "ฉันมีรายชื่อเป็นคณะกรรมการคุมสอบทั้งสองวัน" >< มันเป็นอะไรที่แจ๊คพอตมากสำหรับฉัน ><
และในวันนี้ ฉันมีรายชื่อเป็นคณะกรรมการคุมสอบห้อง ป.6/1 ซึ่งเป็นห้องที่พิเศษที่สุดในระดับชั้น ป.6
ฉันไม่แน่ใจในตัวเองเลยว่า "ฉันจะสามารถควบคุมพวกเขาได้หมดทุกคน" ><
เวลาเริ่มสอบคือ 8.40 น. พอใกล้เวลา ฉันก็รีบขึ้นไปคุมสอบ
โดยที่ไม่รู้มาก่อนว่า "วันนี้ อ.สาโรจน์ อาจารย์ผู้นิเทศวิชาสุขศึกษาจะมานิเทศในวันนี้"
ฉันขึ้นไปถึงห้องเรียนชั้น ป.6/1 พบว่า ห้องเรียน ชั้น ป.6/1 มีจำนวนทั้งหมด 24 คน เป็นผู้หญิง 2 คน ที่เหลือเป็นผู้ชายทั้งหมด ><
ครูผู้คุมสอบอีกคนบอกกับฉันว่า "น้องคุมสอบเขาในห้องเน่อ ครูจะคุมสอบการอ่าน"
ซึ่งครูทดสอบการอ่านของเด็กนอกห้องเรียน โดยเรียกออกไปอ่านทีละคน ทิ้งให้ฉันต้องรับชะตากรรมโดยการคุมสอบการเขียนของนักเรียนที่เหลืออยู่ในห้อง
ฉันคิดว่าคุณครูท่านที่คุมสอบคู่กับฉัน ท่านเป็นคนที่เข้มงวดและดูน่าเกรงขามมาก
แต่เด็ก ป.6/1 ไม่ได้มีแววของความกลัวครูเลย และฉันที่เป็นครูฝึกสอน เด็กยิ่งไม่กลัวเลย
กลับบอกฉันด้วยซ้ำว่า "ผมไม่กลัวครูหรอก เพราะดูจากหน้าแล้ว ครูเป็นคนใจดีแน่ ๆ"
ดังนั้น ในวันนี้ฉันจึงต้องสวมรอย "ครูโหด"
เพราะหลังจากที่ครูอีกคนออกไป เด็ก ๆ ก็เริ่มส่งเสียงดัง แบบไม่เกรงใจฉันและการสอบในครั้งนี้เลย
ฉันจึงเตือนครั้งที่ 1 ให้เด็ก ๆ เงียบได้แล้ว เพราะตอนนี้กำลังสอบ แต่ไม่มีใครฟังเลย...
สิ่งที่เตือนออกไป เหมือนกับคำพูดที่ผ่านไปในอากาศ เพราะไม่มีใครสนใจจะฟังเลย
เตือนครั้งที่ 2 ก็เงียบไปที แต่อีกนาทีต่อมาก็เสียงดังเหมือนกัน
บอกเลยว่า การคุมสอบวันนี้ ไม่เคยเห็นการสอบที่ไหนจะคุยกัน ถามกัน และคนสอบลุกออกจากที่ตลอดเวลา
พอถามว่า "ลุกไปไหนคะ" คำตอบที่ได้คือคำตอบเดียวกันคือ "ไปเหลาดินสอครับ"
อาการของเด็ก ป.6/1 อาการเหมือนฉันสอนเด็กห้อง ป.1/1 เลย ><
เตือนครั้งที่ 3 เด็กทั้งห้องต่างก็เงียบหมด เพราะฉันบอกว่า จะจดชื่อไว้หน้ากระดานแล้วไลน์บอก ผอ. (ที่จริง ไม่มีไลน์ครูคนไหนเลย)
ฉันบอกเด็ก ๆ ว่า "คนที่โดนจดชื่อ จะต้องไปล้างห้องน้ำ 1 เดือน"
พอเอา ผอ. มาขู่ เด็กก็เงียบกริบ เฮ้อ! กว่าจะเงียบ ><
หลังจากบรรยากาศในห้องสอบเงียบลง ฉันสังเกตเห็นหน้าเด็กแต่ละคนดูคิดหนัก
ฉันจึงเดินคุมสอบไปแต่ละโต๊ะ เพื่อดูว่าเด็กมีปัญหาอะไรหรือเปล่า
ฉันถึงได้รู้ความจริงว่า ที่เด็กส่งเสียงดัง ก็เพราะส่วนใหญ่เขียนไม่เป็น จึงถามเพื่อน
ดังนั้น ฉันจึงต้องอธิบายเด็กถึงหัวข้อการเขียนเรียงความ ซึ่งหัวข้อในวันนี้คือ "การทำความดีถวายพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช"
ตอนแรกจะอธิบายองค์ประกอบของการเขียนเรียงความให้เด็ก แต่ฉันคิดว่า มันคงจะยากไปสำหรับพวกเขา
ฉันจึงต้องจุดประกายความคิดให้แก่พวกเขา โดยการถามเด็กก่อนว่า "นักเรียนคิดว่า การทำความดีคืออะไร"
แน่นอนว่า เด็กทั้งห้องเงียบหมด ไม่มีใครตอบได้และเอาแต่มองหน้าฉัน ตาแป๋วเลย ความรู้สึกในตอนนั้นคือสงสารเด็ก ๆ มาก
ฉันจึงให้แนวคิดแก่พวกเขาว่า ครูเชื่อว่าพวกเธอได้ทำความดีในทุกวัน แต่คงไม่รู้ตัว
ความดีก็คือ สิ่งที่พวกเธอได้ทำในทุก ๆ วัน เช่น การตั้งใจเรียน การทำงานบ้านช่วยพ่อแม่ การเป็นเด็กดีของคุณครู เป็นต้น
เธอลองคิดดูสิว่า "เธอเคยทำความดีอะไรมาบ้างและจะทำความดีอะไรถวายในหลวง"
ฉันสะท้อนใจกับประโยคหนึ่งที่เด็กผู้ชายคนหนึ่งบอกฉัน เขาบอกว่า "ถึงผมจะทำความดี ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้านยังไง พ่อก็ตีผมอยู่ดี เพราะพ่อชอบเมาเป็นประจำ"
ประโยคหนึ่งที่เด็กพูดออกมาเหมือนจะไม่รู้สึกรู้สาอะไร แต่ทำให้ฉันรู้สึกสงสารจับใจ
"ความอบอุ่นในครอบครัว" นี่อาจจะเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้พวกเขามีพฤติกรรมมีปัญหาอย่างที่แสดงออกมา
ถึงพวกเขาจะดื้อขนาดไหน แต่ฉันเชื่อว่าพื้นฐานจิตใจของพวกเขาเป็นคนดีและพวกเขาได้ทำความดีในทุกวัน
เพียงแต่ว่าพวกเขาคิดไม่ออกเท่านั้นว่า "การทำความดี คืออะไร"
ฉันได้แต่ให้กำลังใจเขาและบอกให้เขายังยึดมั่นในการทำความดีแบบนี้ไปทุกวัน...
พอให้แนวคิดแล้ว เด็ก ๆ ถึงเริ่มเขียนกันอย่างจริงจัง
ฉันไม่ลืมที่จะเตือนเด็ก ๆ ให้เขียนชื่อและตั้งชื่อเรื่องด้วย เพราะทุกอย่างที่เด็กเขียนคือคะแนนทั้งนั้น
แม้บางส่วนจะเงียบกันหมดแล้ว แต่ก็ยังมีเด็กชายคนหนึ่งที่ไม่ฟังคำเตือนจากฉัน
ยังคงส่งเสียงดังและก่อกวนในชั้นเรียน เช่น การบีบพวงกุญแจรูปกบที่ส่งเสียงได้ การตบโต๊ะเป็นจังหวะ ฯลฯ
ฉันจึงลงโทษโดนการจดชื่อบนกระดาน และยึดพวงกุญแจกบ
ภาพรายชื่อนักเรียนที่ส่งเสียงดังและทำโทษโดนการจดชื่อบนกระดาน
หลังจากที่เห็นเพื่อนถูกจดชื่อบนกระดาน ทั้งห้องก็เงียบ เพราะกลัวถูกส่งชื่อให้ ผอ. และไปล้างห้องน้ำ 1 เดือน
แต่คนที่ถูกจดชื่อ กลับยิ่งเสียงดังมากกว่าเดิม เพราะบอกว่า ไหน ๆ ก็ถูกจดชื่อละ งั้นจะเสียงดังให้สุด
ฉันจึงต้องปราบเด็กดื้อ โดยการยึดใบประกาศนักกีฬาที่เขาภาคภูมิใจมา
ฉันบอกว่า ถ้าเขาไม่หยุด ฉันจะพับใบประกาศ
ฉันขู่ไปอย่างนั้น เพราะฉันไม่เคยคิดจะทำจริง ๆ เลย เพราะฉันรู้ว่าความภาคภูมิใจของเด็ก ๆ ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น
วิธีการนี้ได้ผลที่สุด เพราะเขาเงียบและเลิกก่อกวน จนห้องเงียบไปจนหมดเวลาสอบ
หลังจากสอบเสร็จ ฉันก็เดินเก็บข้อสอบเด็ก และพบว่าบางคนส่งกระดาษเปล่า พร้อมชื่อ
หลังจากสอบเสร็จก็เหมือนเด็ก ๆ จะผ่อนคลายกันมาก เพราะพากันลุกจากที่นั่งวุ่นวายไปหมดและส่งเสียงดัง เหมือนผึ้งแตกรัง
ฉันยังคงต้องวางมาด "ครูสายโหด" อยู่ เพราะไม่รู้ว่าครูอีกคนท่านอนุญาตให้ปล่อยเด็กหรือยัง
เด็กคนหนึ่งมาอนุญาตไปห้องน้ำ ฉันก็ไม่อนุญาต เพราะไม่รู้ว่าเด็กอยากไปห้องน้ำจริงหรือไปเล่นกัน และครูอีกท่านก็ยังไม่อนุญาต
วันนี้ฉันจึงได้ฉายาใหม่สำหรับเด็ก ป.6/1 ว่า "ครูยักษ์"
ฉันไม่โกรธกับฉายานี้ แต่กลับขำมากกว่า เพราะที่ผ่านมา เด็กที่ฉันเคยสอนต่างก็บอกว่าฉันใจดีที่สุด แต่เพิ่งมีเด็กห้องนี้ที่บอกว่า "ฉันสายโหด"
บางทีการลองเปลี่ยนแนวดูบ้างก็คงจะดีเหมือนกัน ^^
หลังจากสอบเสร็จ ฉันก็ต้องมีหน้าที่ตรวจเรียงความผลงานของเด็ก ป.6/1 ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าหนักใจมาก
มันเป็นการตรวจข้อสอบที่น่าปวดหัวที่สุดเท่าที่ผ่านมา
กว่าจะตรวจสอบก็กินเวลาไปเกือบครึ่งชั่วโมงเลย
การตรวจข้อสอบ ทำให้ฉันได้รู้ว่า เด็กไม่รู้จักการเขียนเรียงความและเขียนเรียงความไม่เป็น
นอกจากนี้บางคนยังเอาข้อความจากบอร์ดข้างฝาห้อง ซึ่งเป็นเรื่องค่านิยม 12 ประการ มาเขียนอีกด้วย ><
บางคนก็เขียนสะกดคำถูกบ้างผิดบ้างและบางคนก็เขียนไม่ได้เลย...
เฮ้อ! น่าหนักใจ >< แต่ก็ยังดีที่มีเด็กนำแนวคิดที่ฉันบอกมาประยุกต์เขียนในเรียงความบ้าง
วันนี้มีเด็กทำคะแนนได้สูงสุด 12 คะแนน จาก 20 คะแนน จาก 24 คน ก็ยังดีนะ ...
ผลงานการเขียนเรียงความของเด็กผู้ชายหนึ่งในห้อง ป.6/1 ที่ฉันอ่านไม่รู้เรื่องเลย
ผลงานการเขียนเรียงความของเด็กในห้อง ป.6/1
ผลงานการเขียนเรียงความของเด็กในห้อง ป.6/1
ฉันบอกได้เลยว่าไม่ตลกเลยกับเรียงความที่เด็กส่งมา
แต่ฉันคิดมากกว่าว่าต้องช่วยเหลือพวกเขาได้อย่างไร
เพราะจากการที่ไปดูคะแนนการอ่าน เด็กเกือบทุกคนอ่านได้ในระดับดีเยี่ยม แต่ทำไมถึงเขียนไม่ได้ มันน่าคิดมาก...
หลังจากสอบเสร็จ ฉันถึงได้รู้จากครูประจำชั้นว่า วันนี้ อ.สาโรจน์ เดินทางมาโรงเรียนบ้านริมใต้เพื่อทำการนิเทศฉันและเพื่อนอีก 2 คน
และครูก็เหมือนจะโกรธนิดหน่อยที่พวกเราไม่ได้แจ้งอาจารย์ก่อนว่า วันนี้ได้เป็นคณะกรรมการคุมสอบนักเรียน
ฉันได้ยินแล้วรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่ที่ทำให้ผู้ใหญ่ต้องมาเสียเที่ยว
ฉันอยากจะบอกอาจารย์จังว่า ฉันก็เพิ่งได้รู้ว่าเป็นคณะกรรมการคุมสอบเมื่อตอนเช้านี้เอง รู้ถัดจากอาจารย์ไม่ถึงชั่วโมงเองค่ะ...
ต่อไปถ้าทราบล่วงหน้าว่าจะมีกิจกรรมจะรีบแจ้งอาจารย์ให้ทราบก่อนเลย เพราะไม่อยากให้ท่านมารอ... ขอโทษอาจารย์ค่ะ...
ในวันนี้วันอังคาร ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ.25559
ฉันได้มีโอกาสเป็นครูคุมสอบการอ่านการเขียนนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2/3 อีกหนึ่งวัน
เด็กเล็ก ๆ จะควบคุมได้ง่ายกว่าเด็กโตเยอะ บอกอะไรก็เชื่อฟัง
และในวันนี้ฉันได้ทดสอบทั้งการอ่านและการเขียน ทำให้รู้ว่าเด็ก ป.2/3 อ่านเก่งและเขียนเก่งมาก
ต่างจากเด็ก ๆ ห้อง ป.6/1 เมื่อวานอย่างสิ้นเชิงเลย
เด็ก ๆ ส่วนใหญ่สามารถเขียนออกมาได้อย่างดี สะกดคำได้ถูกต้องเป็นส่วนใหญ่ และเขียนถ่ายทอดจินตนาการออกมาได้อย่างสร้างสรรค์ จนเด็กบางคนทำให้ฉันแปลกใจว่า เด็กตัวเล็ก ๆ แค่นี้ สามารถเขียนได้แบบนี้เลยเหรอ...
ฉันชื่นชมเด็ก ๆ ชั้น ป.2/3 มากในวันนี้
โตขึ้นไป หนู ๆ คงอ่านและเขียนเก่งมากกว่านี้เยอะเลย ^^
ภาพผลงานการเขียนเรื่องจากภาพตามจินตนาการของเด็กชั้น ป.2/3
ภาพผลงานการเขียนเรื่องจากภาพตามจินตนาการของเด็กชั้น ป.2/3
ภาพแบบสรุปคะแนนการอ่านและการเขียนโดยรวมของนักเรียน ชั้น ป.2/3
หลังจากที่ทดสอบการอ่านและการเขียนนักเรียน ชั้น ป.2/3 เสร็จแล้ว
ฉันก็ได้มีโอกาสอ่านผลงานการเขียนเรื่องจากภาพตามจินตนาการของนักเรียนชั้น ป.3/6
ผลงานของเด็กบางคนทำให้ฉันทึ่งในความสามารถของเด็กมาก ๆ เพราะลายมือของเด็กสวยมาก ๆ และเด็กเขียนสื่อถึงจิตใจที่ดีงามของเด็กออกมาได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว
ผลงานของเด็ก ชั้น ป.3/6
ผลงานของเด็ก ชั้น ป.3/6
ผลงานของเด็ก ชั้น ป.3/6
ผลงานของเด็ก ชั้น ป.3/6
การได้เป็นครูคุมสอบการอ่านและการเขียนของเด็ก ชั้น ป.6/1 ป.2/3 และได้มีโอกาสอ่านผลงานของ ป.3/6 ทำให้ฉันได้รู้ว่า ความสามารถของเด็กแต่ละคนแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
หากให้เปรียบเทียบกันในด้านการเขียนระหว่างสามห้องนี้ ฉันบอกได้เลยว่า เด็ก ป.3/6 เขียนเก่งที่สุดและลายมือสวยที่สุด
แต่หากให้เปรียบเทียบด้านความสามารถในการกีฬา เด็ก ชั้น ป.6/1 ก็ชนะขาดแน่นอน
ดังนั้นเราจึงไม่สมควรตัดสินใคร โดยดูจากผลงานของเขาเพียงด้านเดียว
ฉันรู้สึกชื่นชมโรงเรียนนี้ที่สามารถสอนให้เด็กอ่านออกได้ทุกคนและอ่านได้ค่อนข้างคล่องเป็นส่วนใหญ่ แม้การเขียนของบางคนจะยังต้องพัฒนาอีกมากก็ได้
อย่างน้อยที่เด็กอ่านออก เด็กก็จะสามารถเรียนรู้ไปในระดับชั้นที่สูงขึ้นต่อไปได้เรื่อย ๆ
เพราะการอ่านคือพื้นฐานของการเรียนรู้ทั้งหมดของเด็ก ^^
ฉันคิดว่า อย่างน้อยผลการทดสอบการอ่านและการเขียนของเด็กแต่ละห้องในวันนี้ คงทำให้ครูทุกคน โดยเฉพาะครูประจำชั้นได้ตระหนักถึงความสำคัญของการสอนภาษาไทยมากขึ้นนะ...
ไม่มีความเห็น