วันที่ 13 ทักษะการอ่านและการเขียนของชั้น ป.6/1 และ ป.2/3 (29 พฤศจิกายน 2559)


เมื่อวานฉันเตรียมการเรียนการสอนไปอย่างตั้งใจเหมือนทุกครั้ง

แต่ตอนเข้าแถวหน้าเสาธง ทางโรงเรียนได้ประกาศว่า จะมีการทดสอบทักษะการอ่านและการเขียนนักเรียนระดับประถมศึกษาตอนปลาย (ป.4-ป.6)

ส่วนครูผู้คุมสอบนักเรียนในแต่ละห้อง ได้แก่ คุณครูประจำชั้นจากระดับชั้นต่าง ๆ ในระดับ ป.4/ป.6 คละกันไป โดยที่ครูประจำชั้นจะไม่มีทางได้ทำการทดสอบนักเรียนในห้องของตนเอง

ฉันได้เป็นครูสอนในระดับชั้น ป.3 ฉันคิดว่า ตัวฉันเองคงไม่มีชื่อเป็นคณะกรรมการ เพราะฉันมีชื่อในการเป็นคณะกรรมการคุมสอบนักเรียนในระดับชั้น ป.1- ป.3 ในวันพรุ่งนี้

แต่ผลปรากฏว่า "ฉันมีรายชื่อเป็นคณะกรรมการคุมสอบทั้งสองวัน" >< มันเป็นอะไรที่แจ๊คพอตมากสำหรับฉัน ><

และในวันนี้ ฉันมีรายชื่อเป็นคณะกรรมการคุมสอบห้อง ป.6/1 ซึ่งเป็นห้องที่พิเศษที่สุดในระดับชั้น ป.6

ฉันไม่แน่ใจในตัวเองเลยว่า "ฉันจะสามารถควบคุมพวกเขาได้หมดทุกคน" ><


เวลาเริ่มสอบคือ 8.40 น. พอใกล้เวลา ฉันก็รีบขึ้นไปคุมสอบ

โดยที่ไม่รู้มาก่อนว่า "วันนี้ อ.สาโรจน์ อาจารย์ผู้นิเทศวิชาสุขศึกษาจะมานิเทศในวันนี้"

ฉันขึ้นไปถึงห้องเรียนชั้น ป.6/1 พบว่า ห้องเรียน ชั้น ป.6/1 มีจำนวนทั้งหมด 24 คน เป็นผู้หญิง 2 คน ที่เหลือเป็นผู้ชายทั้งหมด ><

ครูผู้คุมสอบอีกคนบอกกับฉันว่า "น้องคุมสอบเขาในห้องเน่อ ครูจะคุมสอบการอ่าน"

ซึ่งครูทดสอบการอ่านของเด็กนอกห้องเรียน โดยเรียกออกไปอ่านทีละคน ทิ้งให้ฉันต้องรับชะตากรรมโดยการคุมสอบการเขียนของนักเรียนที่เหลืออยู่ในห้อง

ฉันคิดว่าคุณครูท่านที่คุมสอบคู่กับฉัน ท่านเป็นคนที่เข้มงวดและดูน่าเกรงขามมาก

แต่เด็ก ป.6/1 ไม่ได้มีแววของความกลัวครูเลย และฉันที่เป็นครูฝึกสอน เด็กยิ่งไม่กลัวเลย

กลับบอกฉันด้วยซ้ำว่า "ผมไม่กลัวครูหรอก เพราะดูจากหน้าแล้ว ครูเป็นคนใจดีแน่ ๆ"

ดังนั้น ในวันนี้ฉันจึงต้องสวมรอย "ครูโหด"

เพราะหลังจากที่ครูอีกคนออกไป เด็ก ๆ ก็เริ่มส่งเสียงดัง แบบไม่เกรงใจฉันและการสอบในครั้งนี้เลย

ฉันจึงเตือนครั้งที่ 1 ให้เด็ก ๆ เงียบได้แล้ว เพราะตอนนี้กำลังสอบ แต่ไม่มีใครฟังเลย...

สิ่งที่เตือนออกไป เหมือนกับคำพูดที่ผ่านไปในอากาศ เพราะไม่มีใครสนใจจะฟังเลย

เตือนครั้งที่ 2 ก็เงียบไปที แต่อีกนาทีต่อมาก็เสียงดังเหมือนกัน

บอกเลยว่า การคุมสอบวันนี้ ไม่เคยเห็นการสอบที่ไหนจะคุยกัน ถามกัน และคนสอบลุกออกจากที่ตลอดเวลา

พอถามว่า "ลุกไปไหนคะ" คำตอบที่ได้คือคำตอบเดียวกันคือ "ไปเหลาดินสอครับ"

อาการของเด็ก ป.6/1 อาการเหมือนฉันสอนเด็กห้อง ป.1/1 เลย ><

เตือนครั้งที่ 3 เด็กทั้งห้องต่างก็เงียบหมด เพราะฉันบอกว่า จะจดชื่อไว้หน้ากระดานแล้วไลน์บอก ผอ. (ที่จริง ไม่มีไลน์ครูคนไหนเลย)

ฉันบอกเด็ก ๆ ว่า "คนที่โดนจดชื่อ จะต้องไปล้างห้องน้ำ 1 เดือน"

พอเอา ผอ. มาขู่ เด็กก็เงียบกริบ เฮ้อ! กว่าจะเงียบ ><


หลังจากบรรยากาศในห้องสอบเงียบลง ฉันสังเกตเห็นหน้าเด็กแต่ละคนดูคิดหนัก

ฉันจึงเดินคุมสอบไปแต่ละโต๊ะ เพื่อดูว่าเด็กมีปัญหาอะไรหรือเปล่า

ฉันถึงได้รู้ความจริงว่า ที่เด็กส่งเสียงดัง ก็เพราะส่วนใหญ่เขียนไม่เป็น จึงถามเพื่อน

ดังนั้น ฉันจึงต้องอธิบายเด็กถึงหัวข้อการเขียนเรียงความ ซึ่งหัวข้อในวันนี้คือ "การทำความดีถวายพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช"

ตอนแรกจะอธิบายองค์ประกอบของการเขียนเรียงความให้เด็ก แต่ฉันคิดว่า มันคงจะยากไปสำหรับพวกเขา

ฉันจึงต้องจุดประกายความคิดให้แก่พวกเขา โดยการถามเด็กก่อนว่า "นักเรียนคิดว่า การทำความดีคืออะไร"

แน่นอนว่า เด็กทั้งห้องเงียบหมด ไม่มีใครตอบได้และเอาแต่มองหน้าฉัน ตาแป๋วเลย ความรู้สึกในตอนนั้นคือสงสารเด็ก ๆ มาก

ฉันจึงให้แนวคิดแก่พวกเขาว่า ครูเชื่อว่าพวกเธอได้ทำความดีในทุกวัน แต่คงไม่รู้ตัว

ความดีก็คือ สิ่งที่พวกเธอได้ทำในทุก ๆ วัน เช่น การตั้งใจเรียน การทำงานบ้านช่วยพ่อแม่ การเป็นเด็กดีของคุณครู เป็นต้น

เธอลองคิดดูสิว่า "เธอเคยทำความดีอะไรมาบ้างและจะทำความดีอะไรถวายในหลวง"

ฉันสะท้อนใจกับประโยคหนึ่งที่เด็กผู้ชายคนหนึ่งบอกฉัน เขาบอกว่า "ถึงผมจะทำความดี ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้านยังไง พ่อก็ตีผมอยู่ดี เพราะพ่อชอบเมาเป็นประจำ"

ประโยคหนึ่งที่เด็กพูดออกมาเหมือนจะไม่รู้สึกรู้สาอะไร แต่ทำให้ฉันรู้สึกสงสารจับใจ

"ความอบอุ่นในครอบครัว" นี่อาจจะเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้พวกเขามีพฤติกรรมมีปัญหาอย่างที่แสดงออกมา

ถึงพวกเขาจะดื้อขนาดไหน แต่ฉันเชื่อว่าพื้นฐานจิตใจของพวกเขาเป็นคนดีและพวกเขาได้ทำความดีในทุกวัน

เพียงแต่ว่าพวกเขาคิดไม่ออกเท่านั้นว่า "การทำความดี คืออะไร"

ฉันได้แต่ให้กำลังใจเขาและบอกให้เขายังยึดมั่นในการทำความดีแบบนี้ไปทุกวัน...


พอให้แนวคิดแล้ว เด็ก ๆ ถึงเริ่มเขียนกันอย่างจริงจัง

ฉันไม่ลืมที่จะเตือนเด็ก ๆ ให้เขียนชื่อและตั้งชื่อเรื่องด้วย เพราะทุกอย่างที่เด็กเขียนคือคะแนนทั้งนั้น

แม้บางส่วนจะเงียบกันหมดแล้ว แต่ก็ยังมีเด็กชายคนหนึ่งที่ไม่ฟังคำเตือนจากฉัน

ยังคงส่งเสียงดังและก่อกวนในชั้นเรียน เช่น การบีบพวงกุญแจรูปกบที่ส่งเสียงได้ การตบโต๊ะเป็นจังหวะ ฯลฯ

ฉันจึงลงโทษโดนการจดชื่อบนกระดาน และยึดพวงกุญแจกบ

ภาพรายชื่อนักเรียนที่ส่งเสียงดังและทำโทษโดนการจดชื่อบนกระดาน


หลังจากที่เห็นเพื่อนถูกจดชื่อบนกระดาน ทั้งห้องก็เงียบ เพราะกลัวถูกส่งชื่อให้ ผอ. และไปล้างห้องน้ำ 1 เดือน

แต่คนที่ถูกจดชื่อ กลับยิ่งเสียงดังมากกว่าเดิม เพราะบอกว่า ไหน ๆ ก็ถูกจดชื่อละ งั้นจะเสียงดังให้สุด

ฉันจึงต้องปราบเด็กดื้อ โดยการยึดใบประกาศนักกีฬาที่เขาภาคภูมิใจมา

ฉันบอกว่า ถ้าเขาไม่หยุด ฉันจะพับใบประกาศ

ฉันขู่ไปอย่างนั้น เพราะฉันไม่เคยคิดจะทำจริง ๆ เลย เพราะฉันรู้ว่าความภาคภูมิใจของเด็ก ๆ ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น

วิธีการนี้ได้ผลที่สุด เพราะเขาเงียบและเลิกก่อกวน จนห้องเงียบไปจนหมดเวลาสอบ


หลังจากสอบเสร็จ ฉันก็เดินเก็บข้อสอบเด็ก และพบว่าบางคนส่งกระดาษเปล่า พร้อมชื่อ

หลังจากสอบเสร็จก็เหมือนเด็ก ๆ จะผ่อนคลายกันมาก เพราะพากันลุกจากที่นั่งวุ่นวายไปหมดและส่งเสียงดัง เหมือนผึ้งแตกรัง

ฉันยังคงต้องวางมาด "ครูสายโหด" อยู่ เพราะไม่รู้ว่าครูอีกคนท่านอนุญาตให้ปล่อยเด็กหรือยัง

เด็กคนหนึ่งมาอนุญาตไปห้องน้ำ ฉันก็ไม่อนุญาต เพราะไม่รู้ว่าเด็กอยากไปห้องน้ำจริงหรือไปเล่นกัน และครูอีกท่านก็ยังไม่อนุญาต

วันนี้ฉันจึงได้ฉายาใหม่สำหรับเด็ก ป.6/1 ว่า "ครูยักษ์"

ฉันไม่โกรธกับฉายานี้ แต่กลับขำมากกว่า เพราะที่ผ่านมา เด็กที่ฉันเคยสอนต่างก็บอกว่าฉันใจดีที่สุด แต่เพิ่งมีเด็กห้องนี้ที่บอกว่า "ฉันสายโหด"

บางทีการลองเปลี่ยนแนวดูบ้างก็คงจะดีเหมือนกัน ^^


หลังจากสอบเสร็จ ฉันก็ต้องมีหน้าที่ตรวจเรียงความผลงานของเด็ก ป.6/1 ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าหนักใจมาก

มันเป็นการตรวจข้อสอบที่น่าปวดหัวที่สุดเท่าที่ผ่านมา

กว่าจะตรวจสอบก็กินเวลาไปเกือบครึ่งชั่วโมงเลย

การตรวจข้อสอบ ทำให้ฉันได้รู้ว่า เด็กไม่รู้จักการเขียนเรียงความและเขียนเรียงความไม่เป็น

นอกจากนี้บางคนยังเอาข้อความจากบอร์ดข้างฝาห้อง ซึ่งเป็นเรื่องค่านิยม 12 ประการ มาเขียนอีกด้วย ><

บางคนก็เขียนสะกดคำถูกบ้างผิดบ้างและบางคนก็เขียนไม่ได้เลย...

เฮ้อ! น่าหนักใจ >< แต่ก็ยังดีที่มีเด็กนำแนวคิดที่ฉันบอกมาประยุกต์เขียนในเรียงความบ้าง

วันนี้มีเด็กทำคะแนนได้สูงสุด 12 คะแนน จาก 20 คะแนน จาก 24 คน ก็ยังดีนะ ...


ผลงานการเขียนเรียงความของเด็กผู้ชายหนึ่งในห้อง ป.6/1 ที่ฉันอ่านไม่รู้เรื่องเลย


ผลงานการเขียนเรียงความของเด็กในห้อง ป.6/1


ผลงานการเขียนเรียงความของเด็กในห้อง ป.6/1


ฉันบอกได้เลยว่าไม่ตลกเลยกับเรียงความที่เด็กส่งมา

แต่ฉันคิดมากกว่าว่าต้องช่วยเหลือพวกเขาได้อย่างไร

เพราะจากการที่ไปดูคะแนนการอ่าน เด็กเกือบทุกคนอ่านได้ในระดับดีเยี่ยม แต่ทำไมถึงเขียนไม่ได้ มันน่าคิดมาก...


หลังจากสอบเสร็จ ฉันถึงได้รู้จากครูประจำชั้นว่า วันนี้ อ.สาโรจน์ เดินทางมาโรงเรียนบ้านริมใต้เพื่อทำการนิเทศฉันและเพื่อนอีก 2 คน

และครูก็เหมือนจะโกรธนิดหน่อยที่พวกเราไม่ได้แจ้งอาจารย์ก่อนว่า วันนี้ได้เป็นคณะกรรมการคุมสอบนักเรียน

ฉันได้ยินแล้วรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่ที่ทำให้ผู้ใหญ่ต้องมาเสียเที่ยว

ฉันอยากจะบอกอาจารย์จังว่า ฉันก็เพิ่งได้รู้ว่าเป็นคณะกรรมการคุมสอบเมื่อตอนเช้านี้เอง รู้ถัดจากอาจารย์ไม่ถึงชั่วโมงเองค่ะ...

ต่อไปถ้าทราบล่วงหน้าว่าจะมีกิจกรรมจะรีบแจ้งอาจารย์ให้ทราบก่อนเลย เพราะไม่อยากให้ท่านมารอ... ขอโทษอาจารย์ค่ะ...


ในวันนี้วันอังคาร ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ.25559

ฉันได้มีโอกาสเป็นครูคุมสอบการอ่านการเขียนนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2/3 อีกหนึ่งวัน

เด็กเล็ก ๆ จะควบคุมได้ง่ายกว่าเด็กโตเยอะ บอกอะไรก็เชื่อฟัง

และในวันนี้ฉันได้ทดสอบทั้งการอ่านและการเขียน ทำให้รู้ว่าเด็ก ป.2/3 อ่านเก่งและเขียนเก่งมาก

ต่างจากเด็ก ๆ ห้อง ป.6/1 เมื่อวานอย่างสิ้นเชิงเลย

เด็ก ๆ ส่วนใหญ่สามารถเขียนออกมาได้อย่างดี สะกดคำได้ถูกต้องเป็นส่วนใหญ่ และเขียนถ่ายทอดจินตนาการออกมาได้อย่างสร้างสรรค์ จนเด็กบางคนทำให้ฉันแปลกใจว่า เด็กตัวเล็ก ๆ แค่นี้ สามารถเขียนได้แบบนี้เลยเหรอ...

ฉันชื่นชมเด็ก ๆ ชั้น ป.2/3 มากในวันนี้

โตขึ้นไป หนู ๆ คงอ่านและเขียนเก่งมากกว่านี้เยอะเลย ^^


ภาพผลงานการเขียนเรื่องจากภาพตามจินตนาการของเด็กชั้น ป.2/3

ภาพผลงานการเขียนเรื่องจากภาพตามจินตนาการของเด็กชั้น ป.2/3


ภาพแบบสรุปคะแนนการอ่านและการเขียนโดยรวมของนักเรียน ชั้น ป.2/3


หลังจากที่ทดสอบการอ่านและการเขียนนักเรียน ชั้น ป.2/3 เสร็จแล้ว

ฉันก็ได้มีโอกาสอ่านผลงานการเขียนเรื่องจากภาพตามจินตนาการของนักเรียนชั้น ป.3/6

ผลงานของเด็กบางคนทำให้ฉันทึ่งในความสามารถของเด็กมาก ๆ เพราะลายมือของเด็กสวยมาก ๆ และเด็กเขียนสื่อถึงจิตใจที่ดีงามของเด็กออกมาได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว


ผลงานของเด็ก ชั้น ป.3/6


ผลงานของเด็ก ชั้น ป.3/6


ผลงานของเด็ก ชั้น ป.3/6


ผลงานของเด็ก ชั้น ป.3/6


การได้เป็นครูคุมสอบการอ่านและการเขียนของเด็ก ชั้น ป.6/1 ป.2/3 และได้มีโอกาสอ่านผลงานของ ป.3/6 ทำให้ฉันได้รู้ว่า ความสามารถของเด็กแต่ละคนแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

หากให้เปรียบเทียบกันในด้านการเขียนระหว่างสามห้องนี้ ฉันบอกได้เลยว่า เด็ก ป.3/6 เขียนเก่งที่สุดและลายมือสวยที่สุด

แต่หากให้เปรียบเทียบด้านความสามารถในการกีฬา เด็ก ชั้น ป.6/1 ก็ชนะขาดแน่นอน

ดังนั้นเราจึงไม่สมควรตัดสินใคร โดยดูจากผลงานของเขาเพียงด้านเดียว

ฉันรู้สึกชื่นชมโรงเรียนนี้ที่สามารถสอนให้เด็กอ่านออกได้ทุกคนและอ่านได้ค่อนข้างคล่องเป็นส่วนใหญ่ แม้การเขียนของบางคนจะยังต้องพัฒนาอีกมากก็ได้

อย่างน้อยที่เด็กอ่านออก เด็กก็จะสามารถเรียนรู้ไปในระดับชั้นที่สูงขึ้นต่อไปได้เรื่อย ๆ

เพราะการอ่านคือพื้นฐานของการเรียนรู้ทั้งหมดของเด็ก ^^

ฉันคิดว่า อย่างน้อยผลการทดสอบการอ่านและการเขียนของเด็กแต่ละห้องในวันนี้ คงทำให้ครูทุกคน โดยเฉพาะครูประจำชั้นได้ตระหนักถึงความสำคัญของการสอนภาษาไทยมากขึ้นนะ...

หมายเลขบันทึก: 620120เขียนเมื่อ 12 ธันวาคม 2016 20:45 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 ธันวาคม 2016 22:56 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท