เมื่อเช้าเดินผ่านเด็กสองคนพี่น้อง น่าจะอยู่ในวัยประถมต้นๆ นั่งรอผู้ใหญ่อยู่ที่หน้าร้านกาแฟ โดยแต่ละคนมีหน้าจอเล็กๆที่มีภาพเคลื่อนไหวอยู่ตรงหน้ากัน และสังเกตดูทั้งคู่ที่นั่งตรงข้ามกันนั้นต่างก็จดจ่ออยู่กับหน้าจอของตัวเอง ระยะที่เริ่มมองเห็นจนกระทั่งเดินผ่านทำให้เราได้เห็นว่า เด็กทั้งสองคนเพ่งตากับจอแทบจะไม่หยุดกระพริบตาเลย และอยู่ในท่าเดิมตลอดเวลาไม่มีส่วนไหนของร่างกายที่ขยับ คนพี่วางเครื่องไว้บนโต๊ะตรงหน้า มือสองข้างประคองให้ตรง ส่วนคนน้องวางอยู่บนตัก เอาสองมือเป็นที่รอง
เดินพินิจพิจารณาแล้วรู้สึกขึ้นมาว่า ภาพนี้น่าจะเป็นลักษณะของเด็กๆในปัจจุบันเวลาต้องรอผู้ใหญ่ ซึ่งอาจจะดีในแง่ที่ว่า ผู้ใหญ่มั่นใจได้เลยว่าลูกๆไม่มีอันตรายอะไรแน่นอน เพราะนั่งอยู่กับที่เฉยๆได้นานแน่ๆ แต่โดยธรรมชาติของเด็กวัยขนาดนี้ ที่ควรได้ใช้พลังแขน ขา สมองและร่างกาย เคลื่อนไหวให้สัมพันธ์กัน น่าจะเป็นสิ่งที่เหมาะสมกับวัยและช่วยเสริมสร้างสติปัญญาและสุขภาพร่างกายที่ดีกว่าเป็นแน่ แต่เราไปปล่อยให้เขาเคยชินกับการนั่งจ้องจอ ไม่มีปฏิสัมพันธ์กัน ไม่ได้สนใจธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรอบๆตัว
อยากให้ผู้ใหญ่ที่มีเด็กๆในปกครอง ตระหนักถึงผลเสียของการปล่อยให้เด็กๆชินกับเครื่องมือเหล่านี้และละทิ้งธรรมชาติตามวัยของเด็กที่จะเติบโตขึ้นทุกวัน ผ่านไปแล้วจะมาย้อนกลับคืนทำอะไรใหม่ไม่ได้ อนาคตของบ้านเมืองและโลกนี้คงจะไม่สดใสแน่ หากเราปล่อยให้ผู้ใหญ่ในอนาคตโตขึ้นมาด้วยชีวิตแบบที่เด็กๆใช้กันอยู่ในปัจจุบัน...
เรียนอาจารย์ โอ๋ สังคมก้มหน้า
หน้าติดจอ คอตั้ง หลังแข็ง ไม่แหลงกับใคร
เป็นทั้งเด็กและคนชรา คาดว่าคงเป็นปัญหาสาธารณะสุข ในอนาคต เรื่องสุขภาพ
I think you are right! These gadgets need training to do useful things. But a lot time and development can be wasted on them.
I say physical (body) movements and brain activities - in pursuit of some 'dreams' is a far better thing for children than computers and mobile phones.
พี่โอ๋ครับ เท่าที่ผมเห็นน่าจะไม่ใช่เฉพาะเด็ก ๆ นะครับ ผมเจอนี่ ตั้งแต่วัยพ้นเกษียณจนถึงวัยไม่เข้าโรงเรียนเลยครับ สิ่งที่พบคือ ผู้ใหญ่สนใจกับหน้าจอ ทั้งการอ่านเรื่องราวต่าง ๆ ตลอดจนการคุย แล้วละเลยการประชุมหรือเรื่องสำคัญบนโต๊ะประชุมหรือโต๊ะทำงานครับ ฉะนั้น อย่าได้กล่าวถึงวัยเด็กเลย ก็คงอย่างที่พี่เห็นล่ะครับ
ขอบคุณเรื่องดี ๆ ที่สะกิดสังคมให้ได้รับรู้นะครับ
แบงค์
เรื่องง่ายที่แก้ยากครับเพราะผู้ใหญ่เองส่วนใหญ่ก็เป็น
ที่ผมพบเพิ่มเติมคือ
- เด็ก (ยังไม่เข้าเรียนหนังสือ) ขอให้ได้ฟังเพลงจากมือถือ (เสียบหูฟัง) และจับมือถือนอน จึงจะหลับหรือหยุดร้อง
- พ่อแม่ยอมให้เด็กนิ่งอยู่กับหน้าจอ เพื่อจะได้ทำสิ่งอื่น ขณะที่เด็กๆ นั่งเล่นเกมส์เงียบ ขณะเด็กนั่งเล่นเกมส์ หากชักชวนเขาไปทำกิจกรรม เขาจะไม่ไป
ห่วงครับ แต่ก็ต้องยอมรับการเปลี่ยนแปลงอย่างน่าเป็นห่วง
ขอบคุณครับ
คล้ายมือถือเ็นอีหนึ่งอวัยวะของร่างกายเราไปเสียแล้ว ครับ
สวัสดีครับอาจารย์?
มือถือคือประโยชน์ นำมาซึ่งปัญหาถ้าติดมือ จะกลายเป็นอวัยวะที่หายามารักษาอยากที่สุดผลข้างเคียงที่ตามมามากมายทุกระดับชนถ้าใช้ไม่เป็น นี้คือต้องเริ่มที่ต้นแบบแก้ปัญหาให้อนาคตเด็กไทย แต่จะทำอย่างไรยังต้องคิดต่อ???????
ตอนนี้สิ่งที่ทำได้คือสอนสื่อศึกษา การใช้เทคโนโลยีในทางที่ถูกต้อง แต่ยากมากค่ะอาจารย์