เป็นคำถามที่แม่ดาวมักใช้ถามตัวเอง "ไหว" มี 2 ความหมาย
ไหว ที่หมายถึง อารมณ์กระเพื่อมสั่นไหวของจิตใจ และ
ไหว ที่หมายถึง อาการว่า ใจทนไหวหรือเปล่า
+++
เมื่อลูกหัดนั่ง ลูกเซล้มกระแทกพื้น "ใจไหวมั้ย"
เมื่อลูกหัดคลาน ร้องลั่นบ้าน ด้วยอยากจะพาร่างกายไป แค่ไม่ได้ดั่งใจ (ใจไปถึงจุดหมายแล้ว) "ใจไหวมั้ย"
เมื่อลูกหัดเดิน ทรงตัวยังไม่มั่นคง เซล้มถลา "ใจไหวมั้ย"
เมื่อลูกเดินคล่อง ชอบลองความเร็ว วิ่งๆๆๆๆ ล้มกระแทก "ใจไหวมั้ย"
เมื่อลูกหัดปั่นจักรยาน 2 ล้อ แล้วพลาดล้ม "ใจไหวมั้ย"
เมื่อลูกไปโรงเรียนแล้ว ร้องไห้ "ใจไหวมั้ย"
เมื่อลูกมีบาดแผลกลับมาจากโรงเรียน แล้วเล่าให้ฟังว่าถูกกระทำจากเพื่อน "ใจไหวมั้ย"
ฯลฯ
+++
หากเป็นเมื่อก่อนทุกกรณีที่ยกตัวอย่างมานี้ แม่ดาวนั้นตอบได้ทันที คือ ไม่ไหวค่ะ มิใช่ไม่สั่นไหว ทนไหว แต่หมายถึง ใจเจ็บปวด บีบคั้นสั่นไหว และทนรับความรู้สึกหรือภาพที่เห็นไม่ไหว55555 ผลลัพธ์ที่ผ่านมา คือ เมื่อเรา ใจสั่นไหวและทนไม่ไหว ความสั่นสะเทือนภายในใจเรา มันส่งผลต่อใจลูกด้วย ซึ่งย้อนกลับไปคิดหลายๆ เหตุการณ์ มันชัดเจน
+++
จากที่ผ่านการเรียนรู้และฝึกฝนใจมา(นาน)จนพอทนแรงอัด แรงกระแทกจากภาพที่เห็น เสียงที่ได้ยิน (อันที่จริงก็เกิดจากการปรุงแต่งความคิด ปรุงความรู้สึกทุกข์ไปเองเยอะกว่าความจริงมากนัก) พบว่า
เมื่อใจเราแข็งแรงขึ้น มั่นคงขึ้น ถึกทนขึ้น ก็ส่งผลต่อใจลูกเช่นกัน แม่ดาวค่อย ๆ เห็นพัฒนาการใจของลูกที่ดีขึ้นๆ
+++
แต่หากครั้งใดที่เกิดเหตุอาการ "ใจสั่นไหว" ก็จะกลับมาดูใจ และรักษาใจตัวเองให้เป็นปกติก่อน จัดการโลกภายในก่อน แล้วค่อยจัดการโลกภายนอก เริ่มจาก จัดการกายตัวเอง เช่น หากรู้สึกคิ้วขมวดให้คลายคิ้ว มือเกร็งกำแน่นให้คลายมือให้ปกติ อาจกำแบ กำแบ เพื่อผ่อนคลายร่างกาย อมยิ้มน้อย ๆ ถึงไม่อยากจะยิ้มในบางหน ฯลฯ พบว่าการกระทำเหล่านี้ ช่วยให้ "ใจ(สู้)ไหว" ได้ และยังส่งผลดีต่อการช่วยเหลืออีกฝ่าย ไม่ว่าจะลูก หรือใคร ๆ
+++
ครั้งหน้าหากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินอะไร ลองถามใจ "ใจไหวมั้ย"
ฝากคำถามไว้ เผื่อใครสนใจนำไปใช้ถามตัวเองกัน
ไม่มีความเห็น