การวิเคราะห์ภาพยนต์สั้น
เรื่อง โกง
?
โดยใช้ทฤษฎีทางสังคมสงเคราะห์
ภาพยนต์สั้น
เรื่อง โกง
?
ได้ให้แง่คิดสำหรับท่านผู้ชมไม่มากก็น้อย ในการใช้ชีวิตในสังคม
แต่ล่ะสังคม แต่ล่ะพื้นที่ บทบาทหน้าที่ ย่อมมีความแตกต่างกันออกไป
ตัวละครในเรื่องนี้ ตัวละครที่สำคัญ คือ เด็กวัด กับ หลวงตา
ซึ่งเป็นตัวดำเนินเรื่องที่ทำให้ท่านผู้รับชมได้เข้าใจถึงบทบาทที่สำคัญ
เราจะเห็นได้ว่าภาพยนต์สั้นเรื่องนี้ สื่อถึง เรื่องของการโกง
โกงในเรื่องนี้มีหลายรูปแบบ ครั้งแรกที่ชมอาจมองได้ว่า เด็กวัด
ชอบเป็นเด็กที่มักชอบโกงผู้อื่น ด้วยวิธี เล่ห์กลต่างๆในการเล่นกับเพื่อนของตน
แต่เมื่อได้รับชมภาพยนต์สั้น เรื่อง โกง
? จนจบ
ทำให้เราสามารถเข้าใจได้เลยว่า การโกงของเด็กวัด ไม่ได้เกิดจากตัวเขา
แต่เกิดจากพฤติกรรมเลียนแบบจากผู้ให้ และสังคม สิ่งแวดล้อม เป็นตัวที่หล่อหลอม
ทำให้เด็กวัดต้องมีพฤติกรรมเช่นนี้ ตัวเด็กวัดเองเมื่อได้ฟังคำสอนหลวงตา
เด็กวัดได้รับรู้เรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นกับหลวงตา
ทำให้เขาแยกแยะเรื่องที่ดีและไม่ดีได้ แต่การตัดสินใจว่าจะทำดีหรือไม่ดี
อยู่ที่จิตสำนึกของเด็กวัด เขาสามารถเลือกที่จะปฏิบัติได้
เพราะตัวเขาเป็นผู้ตัดสินใจ
หากผู้ใหญ่หรือสิ่งแวดล้อมต่างๆยังประพฤติปฏิบัติโดยไม่ชอบหรือยังโกง
เด็กก็จะจำในสิ่งที่เขาได้รับ และนำไปปฏิบัติ เพราะคิดว่าผู้ใหญ่ทำเลย
เพราะอะไรเขาถึงไม่ทำ เขาอาจมองได้ว่าสิ่งที่ผู้ใหญ่ทำในเรื่อง
ของการโกงเป็นเรื่องที่ถูกหรืออาจเป็นเรื่องปกติทั่วไปที่ใครหลายคนนั้นทำ
จึงทำให้เด็กวัดถูกหล่อหลอมจากการเลียนแบบ แบบผิด
ทฤษฎีการเรียนรู้ทางสังคมเชิงพุทธิปัญญา
(
Social
Cognitive Learning Theory)
ซึ่งเป็นทฤษฎีของศาสตราจารย์บันดูรา
แห่งมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด (
Stanford) ประเทศสหรัฐอเมริกา
บันดูรามีความเชื่อว่าการเรียนรู้ของมนุษย์ส่วนมากเป็นการเรียนรู้โดยการสังเกตหรือการเลียนแบบ
(
Bandura 1963) จึงเรียกการเรียนรู้จากการสังเกตว่า “การเรียนรู้โดยการสังเกต” หรือ “การเลียนแบบ” และเนื่องจากมนุษย์มีปฏิสัมพันธ์ (Interact)
กับสิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบ ๆ ตัวอยู่เสมอ
บันดูราอธิบายว่าการเรียนรู้เกิดจากปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้เรียนและสิ่งแวดล้อมในสังคม
ซึ่งทั้งผู้เรียนและสิ่งแวดล้อมมีอิทธิพลต่อกันและกัน บันดูรา (
1969, 1971)
จึงเปลี่ยนชื่อทฤษฎีการเรียนรู้ของท่านว่า การเรียนรู้ทางสังคม (Social
Learning Theory)
แต่ต่อมาได้เปลี่ยนเป็น
การเรียนรู้ทางสังคมเชิงพุทธิปัญญา (
Social Cognitive Learning Theory) อีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้ เนื่องจากบันดูราพบจากการทดลองว่า
สาเหตุที่สำคัญอย่างหนึ่งในการเรียนรู้ด้วยการสังเกต คือ
ผู้เรียนจะต้องเลือกสังเกตสิ่งที่ต้องการเรียนรู้โดยเฉพาะ
และสิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ ผู้เรียนจะต้องมีการเข้ารหัส (
Encoding) ในความทรงจำระยะยาวได้อย่างถูกต้อง นอกจากนี้
ผู้เรียนต้องสามารถที่จะประเมินได้ว่าตนเลียนแบบได้ดีหรือไม่ดีอย่างไร
และจะต้องควบคุมพฤติกรรมของตนเองได้ด้วย (
metacognitive) บันดูรา
Bandura, 1986 จึงสรุปว่า
การเรียนรู้โดยการสังเกตจึงเป็นกระบวนการทางการรู้คิดหรือพุทธิปัญญา (
Cognitive
Processes)
การเรียนรู้โดยการสังเกตหรือการเลียนแบบ (Observational
Learning
หรือ Modeling)บันดูรา (Bandura)
มีความเห็นว่าทั้งสิ่งแวดล้อม และตัวผู้เรียนมีความสำคัญเท่า ๆ กัน
บันดูรากล่าวว่า คนเรามีปฏิสัมพันธ์ (
Interact) กับสิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบๆ
ตัวเราอยู่เสมอการเรียนรู้เกิดจาก ปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้เรียนและสิ่งแวดล้อม
ซึ่งทั้งผู้เรียนและสิ่งแวดล้อมมีอิทธิพลต่อกันและกัน
พฤติกรรมของคนเราส่วนมากจะเป็นการเรียนรู้โดยการสังเกต (
Observational
Learning)
หรือการเลียนแบบจากตัวแบบ (Modeling) สำหรับตัวแบบไม่จำเป็นต้องเป็นตัวแบบที่มีชีวิตเท่านั้น
แต่อาจจะเป็นตัวสัญลักษณ์ เช่น ตัวแบบที่เห็นในโทรทัศน์
หรือภาพยนตร์หรืออาจจะเป็นรูปภาพการ์ตูนหนังสือก็ได้ นอกจากนี้
คำบอกเล่าด้วยคำพูดหรือข้อมูลที่เขียนเป็นลายลักษณ์อักษรก็เป็นตัวแบบได้
การเรียนรู้โดยการสังเกตไม่ใช่การลอกแบบจากสิ่งที่สังเกตโดยผู้เรียนไม่คิด
คุณสมบัติของผู้เรียนมีความสำคัญ เช่น
ผู้เรียนจะต้องมีความสามารถที่จะรับรู้สิ่งเร้า
และสามารถสร้างรหัสหรือกำหนดสัญลักษณ์ของสิ่งที่สังเกตเก็บไว้ในความจำระยะยาว
และสามารถเรียกใช้ในขณะที่ผู้สังเกตต้องการแสดงพฤติกรรมเหมือนตัวแบบ บันดูราได้เริ่มทำการวิจัยเกี่ยวกับการเรียนรู้โดยการสังเกต
หรือการเลียนแบบ ตั้งแต่ปี ค.ศ.
1960 เป็นต้นมา
ได้ทำการวิจัยเป็นโครงการระยะยาว และได้ทำการพิสูจน์สมมติฐานที่ตั้งไว้ทีละอย่าง
โดยใช้กลุ่มทดลองและควบคุมอย่างละเอียด และเป็นขั้นตอน
การเรียนรู้พฤติกรรมสำคัญต่าง
ๆ ทั้งที่เสริมสร้างสังคม (
Prosocial Behavior) และพฤติกรรมที่เป็นภัยต่อสังคม
(
Antisocial Behavior) ได้เน้นความสำคัญของการเรียนรู้แบบการสังเกตหรือเลียนแบบจากตัวแบบ
ซึ่งอาจจะเป็นได้ทั้งตัวบุคคลจริง ๆ เช่น ครู เพื่อน หรือจากภาพยนตร์โทรทัศน์ การ์ตูน
หรือจากการอ่านจากหนังสือได้ การเรียนรู้โดยการสังเกตประกอบด้วย
2 ขั้น คือ ขั้นการรับมาซึ่งการเรียนรู้เป็นกระบวนการทางพุทธิปัญญา
และขั้นการกระทำ
ตัวแบบที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมของบุคคลมีทั้งตัวแบบในชีวิตจริงและตัวแบบที่เป็นสัญญลักษณ์
เพราะฉะนั้นพฤติกรรมของผู้ใหญ่ในครอบครัว โรงเรียน สถาบันการศึกษา
และผู้นำในสังคมประเทศชาติและศิลปิน ดารา บุคคลสาธารณะ
ยิ่งต้องตระหนักในการแสดงพฤติกรรมต่าง ๆ เพราะย่อมมีผลต่อพฤติกรรมของเยาวชนในสังคมนั้นๆ
สรุป การนำทฤษฎีทางสังคมสงเคราะห์
มาใช้ในการวิเคราะห์หนัง ทำให้เราสามารถมองเห็นกระบวนการหรือแนวทาง ในการทำงานสังคมสงเคราะห์เกี่ยวกับพฤติกรรมของมนุษย์
ว่าสิ่งที่เขาเป็นเกิดจากอะไร ทุกคนนั้นมีความเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง ในการเรียนรู้ทฤษฎีที่นำมาปรับใช้ในงานสังคมสงเคราะห์
ทำให้เราเรียนรู้และปรับตัวกับปัญหาและเข้าใจในสิ่งที่เขาเป็น
เพื่อให้ง่ายต่อการให้ความช่วยเหลือผู้ที่ประสบปัญหาความเดือดร้อน
ชมภาพยนตร์สั้น
เรื่อง โกง ได้ที่
https://youtu.be/bXToc4WMfxE
แหล่งอ้างอิง
ไม่มีความเห็น