วันนี้ ได้เข้าร่วมประชุมติดตามผลการปฏิบัติงานตามแผนงานการปรับปรุง(OFI)ของหน่วยงานนำร่องในสังกัด อาจารย์ที่ปรึกษา ได้พูดถึงปัญหาในการใช้งานระบบการจัดการความรู้ (KMS)ของสำนักงานฯว่า ระบบการจัดการความรู้ที่จะได้ผลดีต้องประกอบด้วย ๒ ส่วนด้วยกันคือ
๑. ระบบ Internet ที่เข้าสู่ระบบ จะต้องมีความเสถียร เข้าได้ง่าย มีความเร็ว และสะดวกต่อผู้เข้าใช้งาน หากไม่เสถียร ขั้นตอนมาก ติดคัด รอนาน ผู้เข้าสืบค้นก็จะไม่เข้ามาใช้
๒.โปรแกรมของระบบ KMS เองจะต้องสนองตอบความต้องการของลูกค้าได้ ระบบจัดเป็นหมวดหมู่แต่ละองค์ความรู้ ง่ายในการเข้าสืบค้น
ส่วนฝ่ายที่รับผิดชอบระบบการจัดการความรู้(Knowedge Management System : KMS) ก็แจ้งว่า...ได้มีการส่งแบบประเมินความพีงพอใจ จากข้าราชการในสังกัด เพื่อให้ตอบแบบสอบถาม และความต้องการ ว่าจะให้การปรับปรุงระบบอย่างไรบ้าง มีความพึองพอใจด้านใด พร้อมข้อเสนอแนะ เพื่อนำข้อมูลดังกล่าวไปปรับปรุงและพัฒนาระบบให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ศุนย์การจัดการความรู้ (KMS) ของสำนักงานอัยการสูงสุด ได้ดำเนินการมาหลายปีแล้ว มีการจัดหมวดหมู่องค์ความรู้ชัดเจน แยกเป็นคลังความรู้/ คลังกฎหมายและเอกสาร /ความรู้หน้างาน/ ตอบข้อหารือ/ คุยกับผู้เชี่ยวชาญ/ KM service /Blog/wiki/Cop ผู้เข้าสืบค้นสามารถเข้าเลือกกลุ่มองค์ความรู้ต่าง ๆ ได้ง่าย ตามหมวดหมู่ที่จัดไว้อย่างเป็นระบบ
สำหรับคลังความรู้ จะแบ่งออกเป็นคลังความรู้ต่าง ๆ ดังนี้
ส่วนคลังกฎหมายและเอกสาร จะประกอบด้วย กฎหมาย ระเบียบ คู่มือ กรณีศึกษา ตำรา บทความ งานวิจัย Thesis/IS คำวินิจฉัยตอบข้อหารือ คำชี้ขาดความเห็นแย้ง ซึ่งเป็นองค์ความรู้ที่ใช้ในการปฏิบัติงานของบุคลากรในสังกัด
นอกจากนี้ยังมีช่องทางพูดคัยกับผู้เชี่ยวชาญในด้านคดีต่าง ๆ โดยจะผู้เชี่ยวชาญในแต่ละด้านมาตอบคำถาม ที่ผู้ปฏิบัติงานส่งคำถามเข้ามาในระบบ จะแยกผู้เชี่ยวชาญไว้แต่ละกลุ่มงานคดี
ในกรณีที่ผู้ปฏิบัติงานมีการจัดกิจกรรมชุมชนนักปฏิบัติ(COP) ก็สามารถสามารถนำผลการปฏิบัติงานกลุ่ม เข้ามาบีันทึกและเก็บไว้ในกลุ่ม COP เพื่อให้ผู้ปฏิบัติงานสามารถเข้ามาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ได้
ศูนย์จัดการความรู้ (KMS) ได้มีการพัฒนาและปรับปรุงอยู่ตลอดเวลา และในแต่ละปีจะมีการกำหนดตัวชี้วัดสำหรับในการประเมินผลการจัดการความรู้ของแต่ละสำนักงานภายในสังกัดด้วย ท่านสามารถดูระบบการจัดการความรู้ได้ที่นี่
ไม่มีความเห็น