วิทยาศาสตร์
กับการนิเทศการสอน ป.2/2
อยากบอกว่าเป็นห้องที่ดิ้อและซน ไม่ค่อยฟังมาก มาดูกันว่าผลจะเป็นอย่างไร
เป็นเรื่องของการตอบสนองต่อสิ่งเร้าผ่านอวัยวะสัมผัสทั้ง 5 ของคน
เริ่มต้นกิจกรรมเป็นไปได้ด้วยดี ธีรโอ้ผู้เป็นเด็กพิเศษเริ่มก่อความวุ่นวายละ ครูโต้งเลยรับมาเป็นครูผู้ช่วยเลย เริ่มเเรกกิจกรรมด้วยการทดสอบการตอบสนองต่อสิ่งเร้าโดยครูโต้งยืนหันหน้าเข้าหาธีรโอ้ จากนั้นปรบมือใส่หน้าธีรโอ้แบบไม่ทันตั้งตัว เพื่อให้นักเรียนสังเกตสิ่งที่เกิดขึ้นว่าจะมีการตอบสนองอย่างไร กระพริบตาหรือไม่ งานนี้ธีรโอ้บอกมาสั้น "ผมตกใจครับครู"
ยืนนิ่งเป็นหุ่นขี้ผึ้งเลยนะธีรโอ้
จากนั้นก็ให้นักเรียนจับคู่กันและทำตามครูโต้ง โดยที่สลับกันทำแแล้วให้สังเกตว่าเพื่อนนั้นมีการตอบสนองต่อสิ่งเร้านั่นคือมือที่ปรบหรือไม่และตอบสนองด้วยการกระพริบตาหรือไม่ เด็ก ณ ตอนนี้ยังคงให้ความร่วมมืออยู่ รู้สึกดีใจขึ้นมากละ วันนี้น่าจะไม่มีปัญหาอะไร ว่าเเล้วครูโต้งก็ลุยต่อกับการใช้บัตรภาพนำเสนอเหตุการณ์การตอบสนองต่อสิ่งเร้า เช่น คนโดนน้ำร้อนลวก เด็ก ๆ ก็ยังตอบได้ว่าต้องมีการชักมือกลับ
วันนี้น่าจะโอเค...(มั้ง)
มาต่อด้วยกิจกรรมจิ๊กซอว์ไม้ไอติม ที่นักเรียนต้องนำไม้ไอติมมาเรียงร้อยต่อกันให้เป็นภาพที่สมบูรณ์เกี่ยวกับเหตุการณ์การตอบสนองต่อสิ่งเร้าของคน เมื่อนักเรียนต่อเป็นภาพได้เเล้วให้นักเรียนส่งตัวแทนออกมาหาบัตรคำสิ่งเร้า และบัตรคำการตอบสนองให้ตรงกับภาพที่ตนเองได้ แล้วให้กลับไปวาดรูปเหตุการณ์บนไม้ไอติมลงบนใบกิจกรรม พร้อมทั้งบอกว่าอะไรคือสิ่งเร้า อะไรคือการตอบสนอง
รูปอะไรทำไมอยากจัง
อีกอันเดียว...จะเป็นภาพละ
อาจารย์นิเทศ...เริ่มเดินดูงาน
เธอต่อ...
ฉันเขียน...
ณ ตอนนี้ห้องเริ่มมีเสียงดังละ ผลของเสียงก็มาจากนักเรียนนี่เเหละ สาเหตุก็ครูโต้งแบ่งกลุ่มจัดกิจกรรมต่อจิ๊กซอว์ไม้ไอติม กลุ่มละ 2 - 3 คน เพราะต้องการให้เด็กทุกคนมีส่วนร่วมในกิจกรรม แต่เนื่องด้วยจำนวนนักเรียนที่มีมากเลยทำให้มีกลุ่มถึง 15 กลุ่ม จึงมีบางกลุ่มที่ทำเสร็จก่อน และเริ่มเสียงดัง ลุกจากที่ ก่อกวนเพื่อน งานนี้จากเด็กที่เล่น 1 คน เพิ่มเป็น 2 เพิ่มเป็น 3 4 5 มากขึ้นเรื่อย ๆ งานนี้เเน่นอนเสียงดังกันยกห้อง ใจนี่เริ่มขึ้นละ เตือนไปแล้ว 1 รอบ เสียงดัง 2 รอบเริ่มดีขึ้นนั่งที่กันเเล้ว จึงจัดกิจกรรมต่อหลังจากที่ครูให้นักเรียนวาดภาพเรียบร้อยเเล้วก็ให้ส่งตัวเเทนนำเสนอหน้าชั้นเรียนว่ากลุ่มตนเองได้ภาพอะไร มีสิ่งใดเป็นสิ่งเร้า การตอบสนองเป็นอย่างไร บางคนก็อยากที่จะออกมา เเย่งกันยกมือ แต่ก็มีเเบบเขินอายที่ออกมาเเล้วไม่กล้าพูด
....แล้วปัญหาก็เกิดขึ้น ?
เนื่องด้วยจำนวนกลุ่มที่มีมากถึง 15 กลุ่ม การนำเสนอจึงมีการใช้เวลานาน พอผ่านไปได้ 6-7 กลุ่ม เริ่มเสียงดังอีกครั้ง กลุ่มที่ออกมานำเสนอก่อนเริ่มเล่น ลุกออกจากที่ กลุ่มที่ยังไม่ได้นำเสนอมายืนรอเต้มหน้ากระดาน ทั้งห้องเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ ครูโต้งเตือนก่อนรอบแรกไม่ได้ผล รอบสองยังคงดัง รอบ 3 ยังคงมี รอบที่ 4 ลดลงไปนิดหนึ่งเเต่เสียงยังคงดัง
จนสุดท้ายทนไม่ไหว.....รอบที่ 5 ครูโต้งตบโต๊ะดังปัง บอกให้เงียบ ตอนนี้น้ำเสียงดัง ใหญ่ แบบสุด ๆ สีหน้านี่บอกเลยว่าโมโห พอเริ่มเงียบละก็ใจดีขึ้นมาหน่อย แต่มีเด็กบางคนไม่ฟัง เลยเรียกชื่อเลยดัง ๆ 3 4 รอบ ด้วยน้ำเสียงที่ดุมาก
"แม็ก แม็ก ออกมาครับ ออกมาครับ"
"บอกให้ออกมาหน้าห้อง"
ครูโต้งยืนไมค์ให้ เดินไปนั่งที่โต๊ะนักเรียน "วันนี้ไม่สอนล่ะจะเป็นนักเรียน เธออยากพูดนักเดียวจะให้สอน สอนสิ เงียบทำไม "
"สอนสิครับ เมื่อกี้พูดเรื่องอะไร สอนเรื่องนั้นเเหละ"
----เงียบกริ่บทั้งห้อง--------
อยากบอกว่าไม่อยากใช้วิธีนี้เลย อาจารย์นิเทศก็นั่งอยู่หลังห้องคอยให้คะเเนนการสอนต่าง ๆ เพราะเป็นการเสริมเเรงทางลบที่อย่างหนึ่ง แต่ตอนนั้นไม่ไหวละจริง ๆ คะเเนนคงหายไปหมดเเน่ แต่ตอนนั้นจิตใจไม่ได้พะวงกับอาจารย์นิเทศที่นั่งหลัง ใจมาอยู่ที่กับการสอนนี่ อยากบอกเลยว่าเป็นเด็กที่ขาดวินัยในตัวกันมาก ไม่รู้ว่าเวลาไหนเรียนคือเรียน เวลาไหนเล่นคือเล่น นี่ไม่รุ้อะไรสักอย่างมาโรงเรียนอีกสามวันก็จะสอบเเล้ว ยังทำตัวแบบนี้อีก ไม่อยากให้เป็นแบบนี้ ณ คาบที่นิเทศเลย มานั่งคิดทบทวนตนเองว่าผิดพลาดปล่อยให้เลยมาถึงจุดนี้ได้ยังไง ไม่อยากจะเชื่อด้วยซ๊ำว่าตัวเองจะกล้าทำในคาบการนิเทศนี้...
ที่ครูโต้งไม่ใช้การเสริมเเรงทางบวกก็เพราะ จากครั้งที่เเล้วเป็นบทเรียนมาเเล้วในการเล่นบิงโกมีของรางวัลมาล่อ ยังคงเสียงดัง แน่นอน ไม่ได้ผล วันนี้เลยจัดไปเต็ม ๆ กับการเสริมเเรงทางลบ ที่ไม่คิดว่าตนเองจะทำ
ใจเริ่มเย็นลงล่ะ ให้นักเรียนกลับมานั่งที่ ครูโต้งก็ไปสอนต่อ งานนี้ห้องเงียบละแต่บรรยากาศของห้องเปลี่ยนไป...อย่างเห็นได้ชัด จะไม่นำเสนอกลุ่มต่อละ เพราะในการสอนแบบนี้ตอนเเรกที่คิดก็คือการให้นักเรียนได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมทุกคนเลยมีกลุ่มละ 2-3 คน จำนวนกลุ่มเลยมีมาก พอมีการนำเสนอรูปแบบเเต่ละกลุ่มก็จะเป็นเเบบเดิม งานนี้ครูโต้งเลยพอ หยุด อธิบายเพิ่มเติมเลยด้วยการใช้แผนผังความคิดการตอบสนองต่อสิ่งเร้าของคนจะผ่านอวัยวะสัมผัสทั้ง 5 คือ ตา หู จมูก ลิ้น กายสัมผัสบนกระดาน โดยการนำใบกิจกรรมที่นักเรียนพึ่งออกมานำเสนอ มาจำเเนกแยกว่าเป็นการตอบสนองต่ออวัยวะใด จากตาโดยการมองเห็น จมูกโดยการได้กลิ่น หูโดยการได้ยิน ลิ้นโดยการรับรสชาติ ผิวสัมผัสโดยการสัมผัส ณ ตอนนนี้เสียงดังไม่มีละ เด็กเรียนบางคนก็ยังให้ความร่วมมือมาเเต่ต้นจนถึงตอนนี้ที่คอยตอบคำถาม ช่วยครูโต้งจนสามารถสรุปการเรียนรู้ในวันนี้ได้
แผนผังความคิดของเด็ก ๆ
จากการสอนในวันนี้ เด็กยังคงเป็นเหมือนทุกวัน ไม่มีวินัย ไม่มีมารยาท หากจะเรียกให้ถูกคือการเรียนรู้บนวินัยทางลบที่ เด็กมีพฤติกรรมไม่มีวินัยในเวลาเรียน ไม่ฟังครูสอน ไม่สนใจว่ามีใครอยู่ในห้อง ขนาดมี ครูโต้ง อาจารย์ประจำชั้น อาจารยืนิเทศที่เป็นถึงผู้อำนวยการโรงเรียนอยู่ในห้องถึง 3 คน ยังคงเล่นและมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม
หากเเต่ว่าเด็กที่ขาดวินัยเหล่นั้นเกิดการเรียนรู้ไหม เกิด เพราะสามารถช่วยกันตอบคำถามสรุปองค์ความรู้เป็นแผนผังความคิดได้อย่างถูกต้อง เเม้ว่าก่อนหน้านั้นจะเล่นก็ตาม แต่เด็กก็เกิดการเรียนรู้ตามที่เด็กได้รับ แต่เรียนรู้ผ่านวินัยทางลบของตัวเด็กเอง ที่เด็กขาดการปลูกฝังวินัยในตัวเอง งานนี้หมดความอดทนกับห้องนี้ คะเเนนการนิเทศคงเป็นกราฟเบ้ซ้ายเเน่ ๆ
เสร็จสิ้นภาระกิจการสอน...ต่อด้วยการพูดคุยหลังการนิเทศ เเละก็ได้พูดคุยถึงประเด็นที่เด็กขาดวินัยในตนเองนี่เเหละที่เด็กในโรงเรียนนี้ส่วนมากขาดวินัย เพราะไม่ได้รับการปลูกฝังนานเท่าที่ควร...
---สุด ๆ กับการนิเทศในวันนี้ หินมาก หนักมาก เป็นกับเด็กนี่เเหละ 2/2 ----
ขอชื่นชมความกล้าหาญการเปิดบรรยากาศของห้องเรียน+การเรียนการสอน ของคุณครู และขอ
เป็นกำลังใจให้กับคุณครู + นักเรียนได้ฝึกทักษะการเรียนรู้เรื่อง ความเคารพ อดทน และมีวินัยอย่างต่อเนื่อง
สม่ำเสมอร่วมกันค่ะ