วันนี้เด็กนักเรียนโรงเรียนปรินส์รอยแยลส์วิทยาลัยได้มาจัดกิจกรรมเกี่ยวกับคณิตศาสตร์ให้เด็กนักเรียนในระดับชั้น ป.4
คาบ 1 และ 2 ที่ฉันสอนเด็ก ป.4/1 และ 4/2 จึงกลายเป็นคาบ Free ไป
แต่คาบ Free ไม่เคยมีอยู่จริง เพราะฉันและนักศึกษาฝึกสอนที่มีคาบว่างเช้านี้ต้องไปช่วยซ้อมเด็กอนุบาลเดินขบวน ><
ภาพนักเรียนจากโรงเรียนปรินส์รอยแยลส์และนักเรียนระดับชั้น ป.4 (ขอขอบคุณภาพจากพี่จี กล้องโรงเรียน)
เช้านี้มีการซ้อมใหญ่การเดินขบวนของเด็กอนุบาล
ขบวนการจับปูใส่กระด้งได้เริ่มขึ้นอีกครั้ง...
กว่าจะจัดวางป้าย หาคนมาถือป้าย และจัดขบวนให้แล้วเสร็จ ใช้เวลาไปแล้วไม่ต่ำกว่าครึ่งชั่วโมง ><
และเมื่อสัญญาณกลองเดินขบวนดังขึ้น เด็กอนุบาลก็ไม่ได้ย่ำเท้าอย่างที่ฉันคิดไว้ เพราะเด็กเดินมั่วและเดินไป แบบตามใจฉัน ไม่ฟังเสียงกลองใดๆทั้งนั้น
แค่เริ่มเดิน ก็เห็นถึงความเละเทะที่จะตามมาแล้ว ><
พวกเราช่วยกันซ้อมเด็กอนุบาลเดินขบวนไปรอบๆโดมกีฬา
เดินไปเดินมาประมาณ 3 รอบได้ เด็กๆก็เริ่มบ่นว่าเหนื่อย
การสอนเด็กอนุบาลให้ทำบางสิ่งบางอย่างเป็นสิ่งที่ยากมาก
ยิ่งมีเวลาจำกัดด้วยแล้ว ยิ่งทำได้ยาก
การซ้อมเดินขบวนยังไม่เข้าที่เข้าทางเท่าไหร่ แต่ก็คงซ้อมได้แค่นี้ เพราะสภาพร่างกายของเด็กไม่ไหวแล้ว ><
กว่าจะซ้อมเด็กอนุบาลเดินขบวนเสร็จก็สิบโมงกว่าแล้ว ><
ไม่อยากจะคิดถึงวันเดินขบวนกีฬาในวันพรุ่งนี้เลย ><
บ่ายนี้พันเดชแวะมาหาฉันที่ห้องสมุดเช่นเคย
วันนี้ฉันให้เขาระบายสีต้นพืชที่อยู่ในเกม Zombie แต่เขาระบายในห้องไม่เสร็จ
เขาขออนุญาตฉันว่า "ครูครับผมทำไม่เสร็จ ผมเอาไปทำต่อที่บ้านนะครับ" พอฉันอนุญาตเขาก็เก็บใส่กระเป๋า
แต่ช่วงบ่ายนี้ที่เขามาหาฉัน ฉันก็เลยให้เขานั่งระบายสีต่อ
ฉันคิดว่าพันเดชมีทักษะในการระบายสีมากนะ เพราะเขาระบายสีต้นพืชอย่างตั้งใจ
และระบายสีตามความหนักเบาของสีภาพพืชตัวอย่างด้วย เขามีความละเอียดในการเลือกลงสีมาก
ฉันนั่งมองเขาระบายสีและแอบถ่ายรูปเขาไว้ เพราะเขาบอกว่าไม่ชอบถ่ายรูป
พันเดชไม่ใช่เด็กพิเศษที่อยากให้ใครกลัว ไม่กล้าเข้าใกล้ เขาแค่ต้องการความเข้าใจจากเราต่างหาก ^^
ภาพแอบถ่ายพันเดช ขณะที่เขากำลังตั้งใจระบายสีซอมบี้
ภาพฝีมือการระบายสีของพันเดช
พอเขาระบายสีเสร็จแล้ว ฉันก็ให้เขาเขียนชื่อพืชด้วย
ไม่น่าเชื่อว่าเขารู้จักชื่อพืชที่ระบาย และเขียนได้เองโดยที่ฉันไม่ต้องบอกเลย ^^
จากนั้นสัญญาณเลิกโรงเรียนก็ดังขึ้น
ทุกครั้งที่ได้ยินเสียงสัญญาณ พันเดชจะยืนขึ้นและเตรียมพนมมือไหว้พระ
หลังจากไหว้พระเสร็จ เขาก็จะยืนตรงเมื่อเพลงสรรเสริญพระบารมีดังขึ้น
เมื่อเพลงสรรเสริญพระบารมีจบ เขาก็จะรีบวิ่งออกไปนอกโรงเรียนทันที และพ่อของเขาจะต้องมารับตรงเวลาพอดี
แต่ในวันนี้ฉันมีลางสังหรณ์บางอย่าง บวกกับสายฝนที่ตกโปรยปรายด้วย
ฉันจึงเดินออกมาส่งเขาที่นอกโรงเรียน
ทำไมลางสังหรณ์ฉันแม่นอย่างนี้ เพราะวันนี้พ่อของพันเดชมาช้าผิดปกติกว่าทุกวัน
พันเดชยืนรอพ่อด้วยความกระวนกระวาย เขาแทบจะออกไปยืนรอกลางสายฝน ตรงจุดนั้นที่พ่อของเขามารับทุกวัน
ฉันรีบดึงตัวเขาไว้ และบอกให้เขามานั่งรอใต้ที่พักที่โรงเรียนสร้างสำหรับให้นักเรียนนั่งรอผู้ปกครองก่อน
เขาไม่ยอมนั่งเลย เขายืนรอและชะเง้อหารถของพ่อเขาตลอดเวลา
เขาจะออกไปตากฝนรอพ่อเขาเป็นพักๆ ฉันจึงดึงตัวเขาไว้
ปากของเขาพร่ำหาแต่ว่า "เมื่อไหร่พ่อจะมา ปกติพ่อไม่เคยมาช้าอย่างนี้เลย"
เขาพูดประโยคเดิมๆซ้ำๆ พอนานไปๆเขาก็ชักจะออกอาการเหมือนจะร้องไห้
เวลาผ่านไปประมาณ 5-10 นาที รถของพ่อเขามาจอดตรงจุดเดิมที่มารอรับเขาประจำ
ฉันดีใจมากที่เห็นรถพ่อของเขา และคิดว่าเขาก็คงดีใจมากเช่นกัน
ทันทีที่ฉันบอกเขาว่า "พันเดช พ่อมาแล้ว" เท่านั้นแหละ
เขารีบวิ่งออกไปหาพ่อเขา แล้วฉันก็วิ่งตามไปส่งเขา
ฉันถามพ่อของเขาว่า ทำไมวันนี้พ่อมาช้า เพราะว่าวันนี้พันเดชรอคุณพ่อนานมากเลย
พ่อของเขาก็ตอบว่า วันนี้คุณพ่อติดงาน และรถติดไปหน่อย
ทันทีที่มาถึงตัวพ่อ พันเดชก็ร้องไห้และทำท่าขัดใจที่วันนี้พ่อมาช้า
เขานั่งซ้อนท้ายพ่อของเขาและกอดเอวพ่อไว้แน่น และร้องไห้เอามือปาดน้ำตาไปด้วย
"ภาพที่เขากอดเอวไว้แน่น พร้อมกับเอามือปาดน้ำตาไปด้วย"
มันเป็นภาพที่สะเทือนใจฉันไปบ้าง เพราะฉันเข้าใจความรู้สึกของเขาดี
พันเดชไม่ได้ร้องไห้ที่พ่อมาช้าหรอก เขาร้องไห้เพราะกลัวถูกพ่อทิ้งต่างหาก...
ไม่มีความเห็น