วันที่ 8 สิงหาคม 2559 - ปลายทางที่น้ำตกกรุงชิง (ต่อ)
ระหว่างทางเดินเราได้ชมไม้และสิงสาราสัตว์ไปด้วย
กิ้งก่าชนิดหนึ่ง สีของเขากลืนไปกับท่อนไม้ ต้องเพ่งหาอยู่นาน
ผีเสื้อสีเหมือนใบไม้แห้งเกาะอยู่บนใบไม้สีเขียว
เพลี้ยที่ด้านหลังสีขาว ด้านท้องมีสีน้ำเงินและแดงสวย เมื่อจับเขาหงายท้องก็พลิกตัวกลับได้เร็ว
ตามเส้นทางที่เดินมีตัวเลขบอกระยะทางว่าเราเดินมาได้ไกลแค่ไหนแล้วเป็นระยะๆ ทำให้เรารู้ว่าเป้าหมายอยู่อีกไกลแค่ไหนและบอกความสามารถของตนเองได้
ณ ศาลาหลังที่สอง ฝนแสนห่า
เมื่อถึงระยะทาง 3,700 เมตร อาจารย์ต่ายบอกให้ทุกคนเก็บกล้องและของอื่นเข้ากระเป๋าหรือเป้ เพราะเส้นทางต่อไปนี้จะต้องใช้มือช่วยจับ/เกาะเนื่องจากต้องไต่บันไดที่ชันและหลายขั้นมาก อาจารย์ต่ายบอกว่าใครที่คิดว่าไปต่อไม่ไหวให้พักรออยู่แถวนี้ คุณตุ๊กตาชักลังเล แต่ดิฉันบอกว่าเดินมาจนจะถึงอยู่แล้วอีกนิดเดียวก็จะถึงที่หมายแล้ว เราทุกคนจึงตัดสินใจไปต่อ
ทางเดินที่ลงบันไดมีราวเหล็กที่เป็นสนิมและผุบางส่วนให้จับ เราคุยกันว่าไม่ต้องกลัวสกปรกให้จับราวตลอดเวลา ตอนเดินลงไม่เหนื่อยแต่นึกห่วงตอนเดินขึ้นขากลับ ได้ยินเสียงและเห็นสายน้ำตกแล้ว
ในที่สุดก็ถึงที่หมาย บริเวณน้ำตกกรุงชิงชั้นที่เล่นน้ำได้ มีศาลาพังๆ ที่ใช้การไม่ได้แล้ว เสื้อชูชีพสีส้มเก่าๆ แขวนไว้สามตัว ไม่รู้ว่าสภาพยังใช้การได้ไหม เราหาที่นั่งที่เหมาะแล้วทานอาหารกลางวันกัน
น้ำตก
ที่นั่งมุมใครมุมมัน เดินเพ่นพ่านไม่สะดวก
คุณเอนกเจ้าเดิมลงเล่นน้ำเป็นคนแรก ตามด้วยอ้อใหญ่ และหมอฝน ที่เหลือนั่งดูและถ่ายรูป ประสบการณ์ของคนที่เล่นน้ำตกบอกว่าน้ำเย็นสบาย พื้นน่าจะเป็นกรวด เวลาปล่อยให้สายน้ำตกกระแทกตัวเหมือนได้รับการนวดเลย
หนึ่งหนุ่ม สองสาวเล่นน้ำตก
ระหว่างที่เราอยู่ที่น้ำตก มีสาวสามคนตามมาอีกกลุ่ม สามสาวไม่กลัวทาก นุ่งกางเกงขาสั้นมาเลย ในกลุ่มนี้มีสาวคนหนึ่งใส่รองเท้าส้นตึกอีกด้วย ช่างเดินเก่งกันจริงๆ ตอนปีนลงไปน้ำตกเรากลัวเธอจะล้มจึงบอกให้ถอดรองเท้าส้นตึกเสียก่อน
ได้เวลาพอเหมาะอาจารย์ต่ายชวนกลับ เพราะคุณมดจะต้องไปพบเพื่อนที่ รพ.มหาราชนครศรีธรรมราชตอน 16 น. และเดินทางไปงานศพของแม่เพ่อนที่หาดใหญ่ต่อ
เดินขึ้นบันไดเหนื่อยตามคาด อาจารย์ต่ายต้องช่วยแบกกระเป๋าให้ดิฉัน พ้นทางวิบากก็เดินสบายเพราะเป็นการเดินลง แวะถ่ายรูปผีเสื้อสีสวยๆ กิ้งก่าบินตัวน้อย ต้นไม้ เป็นระยะๆ
กิ้งก่าบิน ภาพบนกางปีกที่คอ ภาพล่างหุบปีก
ความเขียวที่สวยงาม
แวะไปเรื่อยจนระยะทางเหลืออีกประมาณเกือบ 1,200 เมตร รู้สึกว่าแสงสว่างครึ้มลง ฝนทำท่าจะตก รีบเก็บกล้องต่างๆ เข้ากระเป๋า เอาร่มออกกาง เดินอย่างรีบเร่ง แต่ก็ไม่ทันการ ฝนตกลงมาและแรงด้วย เปียกปอนทั้งตัว เพราะใช้ร่มกันกระเป๋าไม่ให้เปียกมากกว่าตัว คุณเอนกไม่มีร่มเลยตากฝนเต็มๆ ทางเดินก็มีน้ำไหลท่วมผ่าน รองเท้าจึงเปียกไปด้วย
สามสาวที่เราเจอที่น้ำตกเธอเดินกันได้เร็วมากแซงหน้าเราไปแล้ว คุณเอนกเล่าให้ฟังทีหลังว่าหลบให้พวกเธอผ่านไปก่อน เพราะกล้วคนที่ใส่รองเท้าส้นตึกจะล้มกลิ้งแล้วมาชนพวกเราล้มไปด้วย
มาถึงที่ทำการอุทยานฯ ฝนก็ยังไม่หยุด อดดูนกต่อเลย บางคนได้เปลี่ยนเสื้อผ้า บางคนก็ยังเปียกอยู่ เราออกเดินทางจากอุทยานฯ มุ่งหน้าไปเมืองนครศรีธรรมราช ฝนตกแรงตลอดทาง หลังส่งคุณมดที่ รพ.มหาราชฯ เสร็จ เราไปแวะที่ห้างโลตัสฯ เพื่อซื้อของ หมอฝนและคุณเอนกซื้อเสื้อเปลี่ยนด้วย
เราไปทานอาหารเย็นที่ร้านชาวเรือต่อ แม้จะทานเร็วกว่าทุกวันแต่ก็ทานกันได้ดี อิ่มอร่อย ต่อจากนั้นจึงเดินทางกลับบ้านพักภายในมหาวิทยาลัย คุณนาฏและพี่เหลิมพาคนชอบออกนอกบ้านในเวลากลางคืนไปทานโรตีที่ท่าศาลาต่อ
อาหารเย็นที่ร้านชาวเรือ
วัลลา ตันตโยทัย
บันทึกเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2559
ธรรมชาติสวยงามจริงค่ะ อ.เก่งจังค่ะเก็บภาพสัตว์ต่าง ๆ ได้ทัน
ขอบคุณค่ะคุณธิ รู้สึกเสียดายที่สภาพทางเดิน สะพาน ศาลา ราวบันไดชำรุดทรุดโทรม อยากให้มีการบำรุงรักษาป่าในอุทยานให้ดียิ่งขึ้นค่ะ