เหตุการณ์อะไรก็ตามที่เกิดขึ้นในประเทศมาเลเซีย มักจะส่งผลกระทบต่อประเทศไทย ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาเกิดการระบาดของโรค
ในระยะ สองสามปี ที่ผ่านมานี้ ประเทศมาเลเซียต้องประสบปัญหากับการระบาดของโรคทั้งโรคไข้เลือดออก และโรคที่สามารถป้องกันได้ด้วยวัคซีนอย่างโรคหัดและโรคคอตีบ ผู้เขียนได้ติดตามสถานการณ์การระบาดของโรคคอตีบมาอย่างต่อเนื่อง และเป็นห่วงสถานการณฺอย่างมาก เพราะประเทศมาเลเซียมีชายแดรติดต่อกับภาคใต้ของไทย โดยเฉพาะพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งมีขนบธรรมเนียม ประเพณี ภาษาและศานาที่เหมือนกัน มีพี่น้องในสามจังหวัดไปทำงานตามรัฐต่าง ๆ ของมาเลเซียกันมากและมักพาบุตรหลานข้ามชายแดน ไปมาหาสู่กันตลอดเวลา
วันนี้วันที่ 17 กรกฏาคม 2559 มีรายงานสถานการณ์การระบาดของโรคคอตีบแล้ว จำนวน 15 ราย เสียชีวิต 5 ราย รอผลแลปยืนยัน 1 ราย ซึ่งเป็นจำนวนผู้ป่วยที่พบมากที่สุดในรอบ 25 ปี ของมาเลเซีย สร้างความวิตกกังวลให้กับทุกฝ่ายของมาเลเซีย เกิดอะไรขึ้นกับระบบการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคของมาเลเซีย
การระบาดของโรคคอตีบในมาเลเซียในปีนี้ เกิดขึ้นจากกระแสการต่อต้านวัคซีนของชาวมาเลเซีย ทำให้ความครอบคลุมการฉีดวัคซีนต่ำลง การเกิดการระบาดของโรคจึงแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว
มีรายงานจากเวปไซด์ Out break news today http://outbreaknewstoday.com/malaysia-diphtheria-m... ของมาเลเซียระบุว่า. เฉพาะรัฐสลังงอ เพียงรัฐเดียว มีเด็กที่ไม่ได้รับวัคซีนเพิ่มขึ้นทุกปีเป็นทวีคูณ โดยพบว่า ในปี 2556 มีเด็กไม่ได้รับวัคซีน จำนวน 637 ราย. ปี 2557 จำนวน 918 ราย และในปี 2558 จำนวน 1,541 ราย
ความจริง กระแสการต่อต้านวัคซีนในมาเลเซีย เกิดขึ้นมานานหลายปีแล้ว เพียงแต่อยู่ในวงจำกัด เฉพาะกลุ่ม แต่มาแพร่หลายในระยะสาม สี่ปีที่ผ่านมานี่เอง. ดังนั้นน่าเป็นห่วงสำหรับเราเรื่องผลกระทบการระบาดของโรคเนื่องจากความครอบคลุมการวับวัคซีนในพื้นที่สามหวัดชายแดนภาคใต้ไม่ค่อยดีนัก ประกอบกับกระแสการต้านวัคซีนจะแพร่ระบาดมาสู่พื้นที่หริอไม่ คงต้องติดตามและหาแนวทางแก้ไขต่อไปก่อนที่จะสายเกินไป
รายละเอียดการติดตามสถานการณฺการระบาดผู้เขียนได้เขียนในไทม์ไลม์ เฟสบุ๊คของผู้เขียน ตั้งแต่ครั้งที่ 1 ถึงครั้ง ที่ 6 สามารถติดตามได้ตามนี้ครับ
https://www.facebook.com/ya.yuerae
ที่มาภาพประกอบ https://www.google.co.th/url?sa=i&rct=j&q=&esrc=s&...
ไม่มีความเห็น