คนสมัยก่อนเล่าให้ฟังถึงชื่อของบ้านกองนาง อำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย บ้านเกิดของเรา ทำไมถึงได้ชื่อกองนาง
เกิดสงครามระหว่างไทยกับลาว นายคุ้มไทยมีลูกคนเดียวแต่เป็นสาว นายคุ้มฝั่งลาวเกิดอยากได้ลูกสาวของนายคุ้มไทยเพราะมีรูปร่างโปร่งขาวสวยผมงามดกดำตามคมใครเห็นก็ต่างอยากได้แต่นายคุ้มไทยหวงลูกสาวมาก จึงทำให้นายคุ้มลาวทำสงครามกับนายคุ้มบ้าน (คนสมัยก่อนเรียกผู้ใหญ่บ้านว่านายคุ้ม) เพื่อหวังชิงตัวลูกสาวนายคุ้มไทย นายคุ้มไทยจึงเอาลูกสาวไปซ่อนไว้ที่กลองเพลในวัดแห่งหนึ่ง และไปทำสงคราม ระหว่างที่เกิดสงครามนั่นกองเพลได้หลุดและไหลไปตามสายน้ำโขง กองเพลนั่นจึงมาติดที่บ้านนางคำกลอง คนสมัยก่อนบอกว่าแต่ก่อนเรียกหมู่บ้านนี้ว่าบ้านนางคำกลอง พอนานเข้าชื่อก็ผิดเพี้ยนไป "ชื่อบ้านกองนาง" และยังคงมีความเชื่อมาถึงปัจจุบันหมุ่บ้านนี้จะมีแต่ผู้หญิง หากครอบครัวใดมีลูกผู้ชายก็จะได้พรากจากถิ่นเกิดไปอยู่ที่อื่น ก็ยังคงเป็นดังคำกล่าวมาถึงปัจจุบัน หมู่บ้านนี้ มีผู้ชายน้อยมาก โตขึ้นก็ได้จำจากถิ่นบ้านเกิด
มีช่วงหนึ่งผมแบกเป้ นั่งรถสองแถวไปตามริมโขง ผ่านท่าบ่อ ประทับใจในเมืองอันเรียบง่ายนี้ไม่เบา แต่เสียดายไม่ได้ค้างแรมที่นั่น
มาค้างที่บ้านได้นะคะ ตื่นมาได้สูดบรรยากาศเต็มที่ มาสัมผัส ส้มตำสุดแซ่บ ของกองนาง
ปล.มากองนางนี้ฟรีตลอดงานจ้า
อีกตำนานเล่าว่า สมัยก่อนผืนดินแห่งนี้เคยเป็นอาณาจักรล้านช้าง ในยุคสมัยของพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช ซึ่งปกครองนครหลวงเวียงจันทน์ ได้พาไพร่พลออกมาล่าสัตว์ ณ.บริเวณหนองน้ำแห่งนี้ เมื่อเสด็จกลับจึงได้ทิ้งเครื่องมือดักสัตว์ที่เรียกว่า ตะหน่างเอาไว้ ต่อมามีผู้คนอพยพจากลาวมาตั้งถิ่นฐานจึงได้เรียกชื่อหมู่บ้านแห่งนี้ว่า บ้านกองตะหน่าง และได้เพี้ยนมาเป็น บ้านกองนางในปัจจุบัน ครับ