บ้านของข้าพเจ้า


ประวัติบ้านกุดรังพัฒนา

เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2447 มีครอบครัวประมาณ 9 ครอบครัว ได้อพยพมาจากอำเภอสุวรรณภูมิจังหวัดร้อยเอ็ด มาตั้งถิ่นฐานอยู่ที่บ้านกุดรังในปัจจุบันนี้ โดยให้ชื่อบ้านตัวเองว่า “ บ้านลิงส่อง ” เหตุที่เรียกชื่อเช่นนั้น เพราะบริเวณที่สร้างบ้านเรือน เป็นป่าทึบประกอบด้วยไม้ใหญ่น้อยนานาชนิด มีสัตว์ป่าอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะลิง เวลามีคนผ่านไปผ่านมาจะพบแต่ลิงที่คอยส่องดู (เป็นภาษาอีสาน หมายถึง แอบดู , แอบมอง) จึงเรียกชื่อบ้านนี้ว่า “ บ้านลิงส่อง ” ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับกุด (กุด เป็นภาษาอีสาน หมายถึง หนองน้ำหรือแอ่งน้ำ) ที่มีความลึก น้ำใสมีปลาชุมมาก บริเวณรอบกุดประกอบไปด้วยต้นรัง จึงเรียกว่า “ กุดรัง ” และได้เปลี่ยนชื่อจากบ้านลิงส่องเป็นบ้านกุดรังตามไปด้วย และอำเภอนาเชือกในปัจจุบันได้นำเอาชื่อบ้านนาเชือกมาตั้งเป็นตำบลนาเชือก ประมาณปี พ.ศ. 2453 และยกฐานะของตำบลนาเชือกเป็นกิ่งอำเภอนาเชือก และเป็นอำเภอนาเชือกในปัจจุบัน คำว่า “ นาเชือก ” แยกออกเป็น 2 คำ คือ นา กับ เชือก นา หมายถึง ทุ่งนา เชือก หมายถึง ต้นเชือกหรือต้นรกฟ้า ดังนั้น คำว่า“ นาเชือก ” จึงหมายถึง ทุ่งนาที่มีต้นเชือกหรือต้นรกฟ้ามายมาก อำเภอนาเชือกเดิมนี้เป็นเขตการปกครองของอำเภอพยัคฆภูมิพิสัย อำเภอบรบือ และอำเภอวาปีปทุม เนื่องจากท้องที่นี้อยู่ห่างไกลจากอำเภอดังกล่าว ประชาชนได้รับความลำบากในการเดินทางไปติดต่อราชการ กระทรวงมหาดไทยจึงได้ประกาศยกฐานะตำบลนาเชือกขึ้นเป็น กิ่งอำเภอนาเชือก และให้กิ่งอำเภอนาเชือกขึ้นอยู่ในเขตการปกครองของอำเภอบรบือ ในปี พ.ศ. 2503 ได้รับการยกฐานะเป็นกิ่งอำเภอนาเชือก ในปี พ.ศ. 2506 จึงมีพระราชกฤษฎีกายกฐานะกิ่งอำเภอนาเชือก ขึ้นเป็นอำเภอนาเชือกในปัจจุบัน

เมื่อปี พ.ศ. 2530 นายสม ประทุมมัง ดำรงตำแหน่งเป็นผู้ใหญ่บ้าน บ้านกุดรังหมู่ที่ 2 ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่ใหญ่ยากแก่การปกครอง จึงขอแยกหมู่บ้านออกจากหมู่ที่ 2 โดยตั้งชื่อหมู่บ้านใหม่ว่า บ้านกุดรังพัฒนา และได้เลือกตั้งให้ นายยุทธจักร นาราษฎร์ เป็นผู้ใหญ่บ้านจนครบวาระใน พ.ศ. 2554 ต่อมาชาวบ้านกุดรังพัฒนาได้เลือกตั้งให้ นายทิพย์ดนัย สุทธิเภท ดำรงตำแหน่งเป็นผู้ใหญ่บ้านกุดรังพัฒนา เมื่อวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2554 มาจนถึงปัจจุบัน

ความผูกพันธ์ที่มีต่อบ้านเกิด

ตั้งแต่เกิดมาจนถึงจบมัธยมศึกษาข้าเจ้าก็อยู่แต่บ้านมาตลอดไม่ไปไหนไม่ไปเรียนในเมืองเพราะข้าพเจ้าเป็นคนที่ติดบ้านไปไหนไกลจากบ้านไม่ได้ แม้กระทั่งไปเรียนมหาวิทยาลัยข้าพเจ้าก็กลับบ้านทุกอาทิตย์นอกจากอาทิตย์ไหนที่มีเรียนชดเชยหรือต้องทำงานแต่ข้าพเจ้าก็จะหาเวลากลับบ้าน ข้าพเจ้าเป็นคนที่ไม่ชอบความวุ่นวายไม่ชอบเมืองใหญ่ชอบใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย อยู่บ้านทำให้สบายใจไม่ต้องคิดอะไรมาก เพื่อนบ้านก็น่ารักไปมาหาสู่กันตลอด มีบ้าน มีที่ทำกิน มีงานทำมีครอบครัวที่อบอุ่นแค่นี้ชีวิตก็มีความสุขแล้วสำหรับข้าพเจ้า

กิจกรรมที่ข้าพเจ้าชอลกลับไปร่วมทำที่หมู่บ้าน

เวลาว่างก็จะกลับไปทำบุญในวันสำคัญกับครอบครัวและชาวบ้าน เหตุผลที่ชอบกลับไปทำบุญในวันสำคัญก็คือครอบครัวอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันญาติพี่น้องและชาวบ้านมาทำบุญกันอย่างล้นหลามพอเจอหน้ากันชาวบ้านก็พูดคุยไถ่ถามสารทุกสุขดิบกันอย่างมีความสุขข้าพเจ้าเองก็มีความสุขมากที่เห็นครอบครัวและชาวบ้านมีความสุขหน้าตาแต่ละคนเต็มไปด้วยรอยเย็ม

หมายเลขบันทึก: 610408เขียนเมื่อ 14 กรกฎาคม 2016 18:22 น. ()แก้ไขเมื่อ 22 กรกฎาคม 2016 10:58 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

มีกิจกรรมสำคัญๆ อะไรบ้างครับที่นิสิตชอบที่จะกลับไปร่วมที่หมู่บ้าน

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท