ประวัติหมู่บ้านหนองตูบ
การจัดตั้งหมู่บ้าน
ในปี พ.ศ. 2430 ชาวบ้านบ่อใหญ่ส่วนหนึ่ง คือ พ่อใหญ่โม ( ต้นตระกูล จันทะคาม ) ได้ชักชวนลูกหลานและเพื่อนบ้านจากบ้านบ่อใหญ่ ไปบ้านเหล่าหมอหำ ซึ่งมีคนปลูกบ้านอยู่ก่อนแล้วจำนวนสี่ห้าหลังคาเรือน คณะของพ่อใหญ่โม มีพ่อเฒ่าจ่า นางแต ลูกสาว เฒ่ากุ้น หลวงพ่อละคร ( บวชเป็นพระ พ่อของปู่ไชย จิณาบุญ ) พ่อไชย และแม่สา ( ลูกเขยคนโตของพ่อโม )และลูกหลานคนอื่นๆอีก นอกจากนี้ยังมีชาวบ้านจากหมู่บ้านใกล้เคียงอพยพมาอยู่บ้านเหล่าหมอหำอีกหลายคน ทำให้หมู่บ้านมีคนเพิ่มมากขึ้น รวม 18 หลังคาเรือน แต่หมู่บ้านนี้ก่อตั้งได้เพียง 16 ปีก็เกิดโรคระบาด คือโรคฝีดาษหรือไข้ทรพิษ ชาวบ้านล้มตายหลายคน จึงทำให้ผู้คนในหมู่บ้านแตกตื่นและแยกย้ายกันไปอยู่ที่ต่างๆ เช่นตามไร่หรือที่นาของตนเอง การอพยพครั้งนี้เกิดขึ้นประมาณปี พ.ศ. 2444 ( ปัจจุบันบ้านเหล่าหมอหำเป็นบ้านร้าง ตั้งอยู่ระหว่างบ้านหนองตูบและบ้านดงเค็ง )
อย่างไรก็ตามการอพยพในช่วงระยะเวลาดังกล่าว พ่อใหญ่โมและลูกๆยังไม่ได้อพยพไปอยู่ที่อื่น ท่านได้พาลูกไปอาศัยอยู่นาบ๋า ซึ่งเป็นนาชายป่าอยู่ทางทิศใต้ของบ้านเหล่าหมอหำ เนื่องจากในขณะนั้นท่านยังไม่ได้เก็บเกี่ยวข้าว รวมทั้งท่านต้องการสำรวจภูมิประเทศ เพื่อหาทำเลที่เหมาะสมในการตั้งหมู่บ้านใหม่การอพยพจากบ้านเหล่าหมอหำในครั้งนั้น ทำให้หมู่บ้านนี้กลายเป็นบ้านร้าง และเรียกบริเวณนี้ว่า “โคกบ้านฮ้าง ” มาจนถึงปัจจุบัน
หลังจากที่พ่อใหญ่โม กับลูกหลานได้เก็บเกี่ยวข้าวเสร็จ ก็ได้ชักชวนกันไปปลูกบ้านบริเวณทิศตะวันออกเฉียงเหนือของหนองตูบ ขณะนั้นเป็นเวลาปลายเดือนยี่ หรือปลายเดือนมกราคม พ.ศ. 2445 ซึ่งท่านคงจะได้ทำการสำรวจภูมิประเทศบริเวณนั้นมาแล้วเป็นอย่างดี และเห็นว่าเป็นสถานที่ที่เหมาะสมที่สุดกล่าวคือ ทางทิศเหนือของหมู่บ้านมีหนองสา ทิศตะวันออกมีหนองหัวช้าง และทางทิศตะวันตกมีหนองตูบ ซึ่งเป็นหนองน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่ มีน้ำลึก อุดมสมบูรณ์ไปด้วยปลา กบ เขียด เต่า และไม้ไผ่ป่าขึ้นอยู่รอบๆหนอง นอกจากนี้ทางทิศตะวันออกของหนองตูบ ยังเป็นเส้นทางเกวียนสำคัญที่ใช้ติดต่อระหว่างนครพนม-สกลนคร-กาฬสินธิ์-มหาสารคาม-บ้านไผ่-โคราช นอกจากนี้บริเวณที่ใช้ปลูกบ้านก็เป็นเนินสูง น้ำไม่ท่วมขัง สำหรับการเรียนชื่อหมู่บ้านนั้นเรียกตามชื่อหนอง คือบ้านหนองตูบ จากการสอบถามจากท่านผู้สูงอายุหลายคนในหมู่บ้านได้เล่าให้ฟังว่า เดิมหนองนี้เข็ดขวางมากนัก ( ผีดุ ) เพราะถ้าผีในหมู่บ้านเจ็บป่วยก็เชื่อกันว่าเกิดจากการกระทำของผีหนองตูบ จึงต้องมีการบวงสรวงเซ่นไหว้และปลูกตูบให้ ( ศาลเจ้า ) โดยปลูกไว้ที่ จอมปลวก โพนที่ป,กตูบคือโพนผุ ( ไม้ดอกชนิดหนึ่ง ) ใกล้ต้นพะยอม ส่วนใครเป็นคนสร้างไม่ปรากฏแน่ชัด ส่วนอีกฝ่ายหนึ่งได้เล่าให้ฟังว่าที่ริมหนองมีตูบ ( ศาลาที่พัก ) ซึ่งสร้างเป็นที่พักของคนเดินทาง เช่น พ่อค้าหมู จากคำบอกเล่าของทั้งสองฝ่าย จึงไม่อาจทราบได้ว่าตูบคนหรือตูบผีจะสร้างขึ้นก่อนกัน แต่พอจะสันนิฐานได้แน่นอนว่า คำว่า หนองตูบ คงจะเรียกชื่อตามสิ่งก่อสร้างดังกล่าว
ทำเลที่ตั้งของหมู่บ้าน นับว่ามีอาหารการกินอย่างอุดมสมบูรณ์ คือมีไม้ไผ่ป่าซึ่งสามารถเก็บหน่อไม้ไปกินได้ตลอดปี ในหนองน้ำมีปลา มีกบ มีเขียดอย่างชุกชม สามารถจับมาเป็นอาหารประจำวันได้ รอบๆหมู่บ้านอุดมไปด้วยป่าและพืชพรรณนานาชนิด โดยเฉพาะป่าทางทิศตะวันออกของหมู่บ้าน ซึ่งเรียกกันว่า ดอนตาปู่ ( ผีอาฮักบ้าน ) มีต้นไม้ขนาดใหญ่หลายชนิด เช่น ต้นท่อน ต้นส้มโฮง ( สำโรง ) ต้นเปือย ( ตะแบก ) ประดู่ ต้นขวาน และอื่นๆ โดยเฉพาะต้นส้มโฮง มีอยู่ต้นหนึ่งขนาดใหญ่มาก เฉพาะโคนต้นมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 2.50 เมตร มีลำต้นสูงใหญ่ ซึ่งนกคอก๊าก ( นกกระทุง ) ได้ใช้อาศัยเป็นที่ทำรัง มีรังอยู่บนต้นเกือบร้อยรัง ตอนเช้าจะมีพวกผู้ใหญ่และเด็กๆ ไปคอยเก็บปลาที่แม่นกนำมาป้อนลูก แล้วทำหล่นลงใต้ต้นไม้ ซึ่งส่วนมากจะเป็นปลาตัวใหญ่และยังสดอยู่ เนื่องจากแม่นกจะไปจับมาจากแม่น้ำชี ซึ่งอยู่ห่างจากหมู่บ้านไปทางทิศเหนือประมาณ 20 กิโลเมตร สัตว์อีกชนิดหนึ่งที่มีมากที่สุดคือ เต่า เล่ากันว่า ทุกๆคืนเต่าจะออกไปเดินเพ่นพ่านในหมู่บ้านให้เห็นบ่อย แต่ขณะนี้สูญพันธ์ไปแล้ว เพราะถูกจับไปกินจนหมด นอกจากนี้พื้นที่รอบๆหมู่บ้าน ยังเป็นที่ราบลุ่มซึ่งสามารถใช้ทำนาอันเป็นอาชีพหลักของคนในหมู่บ้านได้เป็นอย่างดี
อ้างอิงแหล่งข้อมูล : หนังสือปาะวัติหมู่บ้านหนองตูบ เขียนโดย อาจารย์เสยี่ยม จิณาบุญ
ไม่มีความเห็น