ข่าวปัญหาการศึกษา(10) นักเรียนจะพา..... เพราะนโยบายห้ามไล่เด็กท้องออกจากโรงเรียน!!! - อาทิตยา


นับเป็นความเคลื่อนไหวก้าวสำคัญอีกครั้งหนึ่งของสังคมและวงการศึกษาไทย นั่นคือ การอนุญาตให้นักเรียนหญิงที่ตั้งครรภ์ สามารถศึกษาต่อได้

--- ที่มา ---

http://www.moe.go.th/news_center/news10112549_1.htm

--- รายละเอียด ---

        นับเป็นความเคลื่อนไหวก้าวสำคัญอีกครั้งหนึ่งของสังคมและวงการศึกษาไทย นั่นคือ การอนุญาตให้นักเรียนหญิงที่ตั้งครรภ์ สามารถศึกษาต่อได้
ห้ามโรงเรียนไล่ออก โรงเรียนไหนไล่เด็กตั้งครรภ์ออก ขอให้แจ้งไปที่ศูนย์พิทักษ์สิทธิเด็ก ของกระทรวงศึกษาธิการทันที นางจรวยพร ธรณินทร์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการคนใหม่ประกาศเสียงดังฟังชัดในการประชุมวิชาการเพศศึกษาเพื่อเยาวชน ครั้งที่ ๓ ซึ่งจัดโดยโครงการก้าวย่างอย่างเข้าใจ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
       การที่กระทรวงศึกษาฯ ไม่ไล่เด็กๆ กลุ่มนี้ออก ถือเป็นการ ปลดล็อก ความกังวลด้านการศึกษาของน้องเยาวชนที่ตั้งครรภ์ไปได้มากโข แต่นี่ยังไม่นับมาตรการใต้ดินของโรงเรียนที่จะค่อยๆ หาวิธี บีบ ให้เด็กลาออกไปเองจนได้ ซึ่งก็ไม่ได้ผิดต่อนโยบายของกระทรวงฯ ที่ไม่ให้ ไล่ เด็กออก เพราะเด็ก (ถูกบีบให้) ลาออกไปเอง
อย่างไรก็ตาม นโยบายห้ามไล่เด็กตั้งครรภ์ออกนี้ ยังมีผู้หลักผู้ใหญ่หรือแม้แต่เยาวชนด้วยกันเอง อดเป็นห่วงไม่ได้ว่า การปล่อยให้นักเรียนตั้งครรภ์ เรียนหนังสือต่อไปได้ อาจจะทำให้เด็กคนอื่นพากัน เลียนแบบ

 

คำสำคัญ (Tags): #artitaya#h.
หมายเลขบันทึก: 60972เขียนเมื่อ 19 พฤศจิกายน 2006 01:36 น. ()แก้ไขเมื่อ 17 มิถุนายน 2012 21:47 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

               ผมคิดว่าได้อย่างเสียอย่างครับ อาจทำให้เด็กที่พลาดตั้งท้องยังมีโอกาสได้เรียนต่อ และอาจทำให้เด็กอีกกลุ่มเลียนแบบหรือคิดว่าการตั้งท้องในวัยเรียนเป็นเรื่องธรรมดาเพราะมีศูนย์พิทักษ์สิทธิเด็กของกระทรวงศึกษาธิการปกป้อง แต่ส่วนมากถึงโรงเรียนไม่ไล่ออกเด็กก็ลาออกนะครับ เพราะอายเพื่อน......

     ถ้าเราจะไม่ให้เกิดการเลียนแบบอีกด้านหนึ่งของความคิดเห็นของดิฉัน ที่ควรกระทำก็ คือ สถานศึกษาควรให้ความรู้หรือข้อแนะนำให้กับนักเรียนในเรื่องนี้มากขึ้นและคิดหาแนวทางป้องกัน นักเรียนมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร อาจจะแก้ปัญหาได้ไม่ทั้งหมดแต่ก็เป็นเกาะป้องกันได้ในส่วนหนึ่ง ซึ่งเมื่อสถานศึกษาให้ความรู้แก่เด็กนักเรียนแล้วควรที่จะสร้างความเข้าใจให้กับผู้ปกครองของเด็กด้วย เพื่อเป็นการช่วยสอดส่องดูแล เพราะสถาบันครอบครัวเป็นรากฐานของการเรียนรู้ตั้งแต่เริ่มต้น
นางสาวอนงค์นาถ สังคะรินทร์

การที่จะให้นักเรียนหญิงที่ตั้งท้องมีโอกาสได้เรียนในสถานศึกษาต่อนั้น ดิฉันเห็นว่า อาจจะเป็นการได้อย่างเสียอย่าง คือ เด็กที่ไม่ได้ตั้งใจที่จะท้องบางคนยังอยากเรียนต่อ อยากจะมีอนาคตีดๆเหมือนกับคนอื่น มีโอกาสได้เรียนและนำความรู้ไปพัฒนาตนเอง แต่ในอีกด้านหนึ่งคือ อาจจะเป็นการส่งเสริมให้นักเรียนมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควรมากขึ้น

ดังนั้น ดิฉันคิดว่า สถานศึกษาควรจะให้ความรู้แก่เด็กนักเรียนและสร้างความเข้าใจกับผู้ปกครองเพื่อช่วยกันดูแลไม่ให้เกิดป้ญหาแบบนี้ขึ้นในระบบการศึกษาไทย

ในฐานนะที่ดิฉันเปนแม่คนระหว่างเรียน ชั้น คิดว่า มันก้มีทั้งผลดีและผลเสีย แต่ถ้ามองในแง่ของคนที่เปนแม่ธรรมดาละ ที่ไม่ใช่นร.ใส่เสื้อสีขาว กระโปรงน้ำเงิน การที่เราต้องฆ่าลูกตัวเอง เพื่อจะได้เรียนต่อ มีอนาคตที่ดีอย่างใครเค้า มันคงไม่เปนเรื่องน่าชมสักเท่าไร สำหรับดิฉัน การเลือกระหว่างเรียนกะฆ่าเลือดเนื้อของตัวเอง ดิฉันก้คงจะเลือกให้ลูกมีชีวิตอยู่ต่อ สัตว์มันยังรักลูกของมันนิคะ แล้วเราเปนอะไร

เดกในสถาบัน หลายๆคน ท้องเพราะพลาดพั้งไป ต้องเลือกวิธีทำแท้ง เพื่อ เรียนต่อ สุดท้ายตัวเองต้องมานั่งเสียใจ เสียสุขภาพตัวเอง บางคนคิดสามารถเลี้ยงลูกตัวเองได้ แต่ถ้าเปนกฏของสถาบัน นร. ก้จะต้องเลือกวิธี ทำแท้งทั้งนั้น

ดิฉันคิดว่า น่าจะให้คนเปนแม่เขาเปนคนตัดสินใจเองดีก่า ว่า จะฆ่าลูกหรือจะเลี้ยงลูก อย่าบีบบังคับให้เขาต้องฆ่าลูกตัวเองเลย

มันลำบากใจนะคะ

การศึกษาต่างประเทศเขาก้ให้การยอมรับในเรื่องนี้ มาหลายประเทศแล้ว เพื่อต่อต้านการทำแท้ง

เด็กที่ตั้งท้องเพราะความผิดพลาดยังไงก็แก้อะไรไม่ได้คนที่เก็บลูกไว้น่ายกย่องที่สุดค่ะเพราะยังไงเค้าก็ยังเป็นคน แต่คนที่เอาลูกออกไม่ใช่ว่าไม่ดีเพราะที่ผิดจริงๆคือสังคม และการแก้ปัญหาในแง่คิดของผู้ใหญ่ฝ่ายเดียว  เด็กที่ท้องไม่จำเป็นต้องเหลวแหล่เสมอไป คนที่รักดีแล้วผิดพลาดก็มีซึ่งความผิดพลาดที่เกิดพวกผู้ใหญ่มักยัดให้เด็กทั้งหมด แต่พวกคุณย้อนไปดูตัวเองบ้างมั้ย ผู้ชายคุณมีเล็กมีน้อยวัยรุ่นชายก็ทำตามพวกคุณนั่นแหละได้แล้วทิ้ง  แล้วไอ้การไล่เด็กท้องออกอ่ะมันดีแล้วหลอคุณรักษาชื่อเสียงสถาบันไว้ได้โดยแรกกับอนาคตของสองชีวิตซึ่งชีวิตหนึ่งผิดพลาดและอีกชีวิตไม่รู้อะไรเลย  มันถูกแล้วหลอการที่พวกคุณจะไล่เด็กท้องออกไม่ใช่แค่แม่เด็กที่หมดอนาคตแต่เด็กที่มันอยู่ในท้องก็หมดไปด้วย เมื่อแม่ไม่มีความรู้จะดูแลลูกให้ดีได้ยังไง และเมื่อถูกกดดันมากโอกาสของไอ้ตัวเล็กในท้องก็มีแค่ไม่กี่อย่างหลอก  ไม่ตายก็ถูกทิ้งถูกทำร้าย แล้วสุดท้ายก็กลายเป็นปัญหาสังคม  ทุกฝ่ายพยามช่วยกันแก้ปัญหาการทำแท้ง เด็กถูกทิ้ง แก้ให้ตายก็แก้ไม่ได้หลอกถ้าความคิดสั่วๆแบบนี้ยังมีถ้าคุญยังมองปัญหาของเด็กแบบผู้ใหญ่  ไม่ต้องยกศิลธรรมมาอ้างไม่ต้องว่าว่าเด็กมันชั่วมันผิดยิ่งพวกในโรงเรียนที่ชอบบีบให้เด็กท้องออกน่ะคิดซะใหม่ถ้าพ่อแม่คุญไม่ทำเรื่องอย่างว่ามันจะมีพวกคุณในวันนี้มั้ย  แล้วถ้าคุณจะบอกพ่อแม่คุณทำในวัยที่เหมาะสมน่ะแน่ใจแล้วหลอ  พวกที่อายุไล่พ่อแม่น่ะลองถามดูว่าเค้ามีคุณต้อนไหน  หรือแม้แต่พวกคุณเองก็เถอะมีลูกตอนไหน  มีน้อยกี่คนถ้าคุณมั่นใจว่าพวกคุณไม่มีเรื่องพวกนี้ค่อยมาว่ากัน  ถ้ามันแก้ได้ตามความต้องการพวกคุณมันจะเรียกว่าความผิดพลาดมั้ย  คิดให้ดีคิดให้เหมือนเด็กเพราะพวกคุณก็เคยเป็นเด็กมาก่อนอย่าเอาความรู้สึกกดดันที่คุณมีในวัยเด็กมาลงกับเด็กในปัจจุบัน  ทั้งหมดไม่ได้ส่งเสริมให้เด็กตั้งท้องได้อย่างเสรีแต่แค่มันจะช่วยฉุดชีวิตสองชีวิตให้สูงขึ้น  แล้วโรงเรียนไหนที่เริ่มให้โอกาสแก่เด็กท้องโดยไม่มีวีธีบีบบังคับเบื้องหลัง เราคิดว่าโรงเรียนนั้นแหละน่าเชิดชูชื่นชมที่สุดแล้วเพราะเค้าเข้าใจและไม่เลือกทำลายชีวิตสองชีวิตที่ก้าวพลาด

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท