จับประเด็น : ทำไม? ความพอเพียงจะทำให้ประเทศไทยอยู่รอด ตอนที่ ๑


  • ก่อนจะเข้าใจตนเอง เข้าใจประเทศไทย ต้องเข้าใจภาพรวมของโลกก่อน
  • สิ่ง ที่เป็นอยู่ในประเทศไทยตอนนี้ เป็นผลพวงของ "ทุน" ทุนนิยมต่างชาติที่เข้ามาเชื่อม หรือสัมพันธ์กับประเทศไทยเป็นเนื้อเดียวกันหมดแล้ว
  • ดังนั้นก่อนจะเข้าใจประเทศไทย เราต้องเข้าใจ "ทุนนิยมเสรี" เสียก่อน
  • ปี ๒๔๗๕ - ๔๓๒ = 1932 สิ่งที่เกิดขึ้นกับกำแพงเบอร์ลิน ส่งผลมาจนทำให้เศรษฐกิจประเทศไทย "พัง" ไม่ใช่สิ่งที่เพิ่งจะเกิดขึ้น
  • ปัญหา ของคนไทยตอนนี้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือ คนไทยขาด "ปัญญา" สิ่งที่คุณสนธิกำลังทำอยู่นี้คือการเสริมปัญญาของคนไทย ... หัวใจของการแก้ปัญหา
  • นักปรัชญาที่มีชื่อเสียงชาวอังกฤษ คือ โอริเวอร์ เจมส์ เสนอหลักคิด ฉันทามติกรุงวอชิงตัน ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากการล่มสลายของกำแพงเบอร์ลิน
  • แต่ก่อนโลกแบ่งออก เป็น ๒ ค่าย คือ ค่ายโลกเสรี และอีกค่ายคือ ค่ายหลังม่านเหล็กก็คือรัสเซีย ต่อมามีจีนเกิดขึ้น เขาเรียก ค่ายหลังม่านสไม้ไผ่
  • กำแพงเบอร์ลิน เป็นสัญลักษณ์ของการแบ่งโลกออกเป็นสองส่วนคือ โลกเสรีและโลกคอมมูนิสท์ ครั้งหนึ่งจอน เอฟ เคนเนดี้ ไปพูดเรื่องโลกเสรีที่เบอร์ลิน ทำให้กำแพงเบอร์ลินเป็นข่าวดังไปทั่วโลก กลายเป็นสัญลักษณ์ของการแบ่งโลกในเวลาต่อมา
  • วิธี ทางตะวันตก จะริเริ่มจาก "นักคิด" จะเสนอความคิดขึ้นมา ฝ่ายต่างๆ นักวิชาการ นักข่าว สื่อมวลชน ค่อยเอาหลักคิดเหล่านั้นมาสื่อสาร ถ้าความคิดดี ถ้าใช่ ก็ส่งเสริมกันไป จนกลายมาเป็นทฤษฎีที่ได้รับการยอมรับ
  • นักคิดชื่อ แซม มัวร์ พี ฮัตติงตัน บอกว่า การล่มสลายของกำแพงเบอร์ลิน คือจุดเริ่มต้นของความขัดแย้งของวัฒนธรรม ระหว่างประเทศมุสลิมกับประเทศที่ไม่ใช่มุสลิม ...ผ่านหนังสือ the crash of civilization
  • นักคิดอีกคนชื่อ ฟรานซิส ฟูกูยาม่า เขียนหนังสือชื่อ the end of the history จุดจบของประวัติศาสตร์ บอกว่า จากนี้ไปไม่มีโลกคอมมิวนิสท์แล้ว เหลืออยู่โลกเดียวคือ โลกการตลาด ซึ่งเป็นผลพวงจากการค้าเสรีที่เกิดขึ้น
  • มีนักคิดอีกคนหนึ่งบอกว่า กติกาของโลกใหม่ต้องเป็น "ฉันทามติกรุงวอชิงตัน" ๓ ข้อ ได้แก่ ๑ เงินทุนต้องเดินทางไปทั่วโลกได้ ๒ รัฐบาลต่าง ๆ ต้องไม่มีการต่อต้าน และ ๓ รัฐบาลต่างๆ ต้องมีเสถียรภาพ
  • ข้อที่ ๒ เช่น กฎหมายขายชาติ ๑๑ ฉบับ ซึ่งล้อ Washington Consensus
  • ต่อมาเกิดลัทธิ "เสรีนิยมใหม่" กับ "อนุรักษ์นิยมใหม่" ทะเลาะกันในอเมริกา แต่ทั้งสองก็คือ "ทุนนิยมใหม่" ที่ยึดเอาผลประโยชน์ประเทศเป็นหลัก
  • ทุนนิยมใหม่ เกิดขึ้นอย่างไร?
  • เกิดขึ้นเพราะ คนรวยรวมตัวกัน เพราะกำไรตนเองน้อยลง เพื่อใช้กระบวนทัศน์เดียวกันทั่วโลก เช่น ๘๐ ปีที่แล้ว เกิด "สภาหอการค้า" ซึ่งขยายตัวไปทั่วโลก
  • เมื่อมีเงิน พวกพ่อค้าก็เริ่มหา "อิทธิพล" โดยการซื้อ "อำนาจ" จากการเข้าหานักการเมือง
  • คนที่พูดเรื่อง "ทุน" คนแรกคือ อดัมสมิท (ในศตวรรษที่ ๑๘) บอกว่า ทุนเป็นของดี หากไม่มีทุนจะพัฒนาได้ยาก ดังนั้นจึงไม่ควรไปต่อต้านเรื่องทุนหรือแทรกแซงจากรัฐ ซึ่งสวนทางกับแนวคิดของระบบกษัตรย์ในขณะนั้น
  • อังกฤษก็เริ่มพัฒนาระบบทุนนิยมมาเรื่อย ๆ และขยายไปทั่วยุโรปผ่านความเกี่ยวพันกันทางสายเลือดกษัตริย์ ทำให้เกิดความขัดแย้งกับระบบกษัตริย์ต่าง ๆ ในยุโรป กอปรกับระบบกษัตริย์กำลังเสื่อม ทำให้เกิดสงครามไปทั่ว และก่อเกิด "นายทุนกษัตริย์" ขึ้น
  • นายทุนกษิตริย์ที่สำคัญคือ บารอน รัดชาวน์ ที่เป็นเจ้าของธนาคารรัดชาวน์ที่เจ้งไปที่สิงคโปร์
  • ต่อมานักคิดชื่อ จอน เบนาร์ด เคน คิดทฤษฎี "เคนเซี่ยน" ขึ้นมา บอกว่า หากเศรษฐกิจมีปัญหา รัฐต้องเข้าไปลงทุน เพื่อให้เกิดการว่าจ้างงาน ซึ่งถูกเอามาใช้ในยุโรป และขยายไปยังฝั่งอเมริกาด้วย
  • ข้ามมาเวลามายุคนี้ ทุกคนเล่นหุ้นตามความคิดของ "มิลตัน ฟริตแมน" ประเภทเล่นหุ้นแบบซื้อมาขายไป ซื้อเช้าขายบ่าย ฯลฯ ฟริตแมนบอกว่า ๑) ความสำเร็จของการลงทุน ตัดสินกันที่การเล่นหุ้นระยะสั้น ๒) อะไรที่เป็นสาธารณูปโภคพื้นฐานควรรัฐควรให้เอกชนเข้ามาแข่งขัน เช่น ไฟฟ้า ประปา รถไฟ ๓) การลดละเลิกกฎระเบียบ การให้นายจ้างเป็นกำหนดค่าจ้างได้อย่างเสรี ลดภาษีคนรวย ฟริตแมนจะเชื่อว่า อย่าไปเก็บภาษีคนรวย เพราะคนรวยจะเอากำไรที่ได้มาลงทุนต่อ ๔) การบริโภคและความต้องการของตลาด จะทำให้เศรษฐกิจขยายตัว
  • หากดำเนินตามความคิดของฟริตแมน จะทำให้เกิดการ "รวยเป็นประจุก จนกระจาย" ซึ่งไทยก็มาถึงจุดนี้แล้ว
  • ในขณะที่คนรวยทำแบบ "ฟรติแมน" แต่ "เคนเซี่ยน" ก็ยังอยู่ พวกที่เห็นแก่ตัวแบบฟริตแมน พอได้เข้าไปมีอำนาจรัฐ ...จึงทำให้เกิด "ประชานิยม" นั่นเอง
  • แต่แทนที่สหภาพต่างๆ จะต่อต้านการขยายตัวของ "ทุนนิยมสามานย์" แต่กลับสร้างอาณาจักรของตนเอง มีผู้นำใช้สินค้าฟุ่มเฟือย และต้องการค่าแรงเพิ่มขึ้นทุกปี ... เรียกว่า สหภาพแรงงานไม่มี "ดุลยภาพ" (Harmony) หรือไม่มี give and take ... สุดท้ายผู้ที่ได้รับผลกระทบคือประชาชน ที่ต้องแบกรับค่าใช้จ่ายที่แพงขึ้น ๆ
  • นี่คือที่มาของ การล้มสหภาพฯ ของนางมากาเร็ตแท็ตเชอร์ กับ โรนาว แรแกน ร่วมมือกันถล่มสหาภาพ และเอาแนวคิดของฟิริตแมน มาใช้อย่างได้ผล
  • จึงทำให้เกิด "MBA" ขึ้นทั่วโลก ซึ่งสอนกันว่า ใช้ตัวเลขในการคิดเป็นหลัก ผลกำไรเป็นหลัก ไม่ได้ใช้ประชาชนเป็นหลัก
  • ประเทศไทยก็สอน MBA กันทั่วประเทศ อย่างบ้าคลั่ง ถือเป็นความบ้าคลั่งทางวิชาการ ทำให้ระบบทุนนิยมขยายตัวไปในประเทศอย่างรวดเร็ว
  • หลอกลวงว่า ถ้าคนรวย ๆ ขึ้น จะเอาเงินมาลงทุน ให้เกิดการสร้างงาน เกิดรายได้ ... แต่ความจริง เป็นไปในทางตรงข้าม คนรวย ๆ ขึ้น คนชั้นกลางจนลง คนจนจนลง โดยชนชั้นปกครองก็ยัง หลอกลวงประชาชนต่อไป
  • เพิ่งจะยอมรับกันไปทั่วโลก หลังจาก ๔๐ ปีผ่านไป ว่า ระบบทุนนิยมเสรี คือระบบที่ "ปล้นคนจนไปให้คนรวย"
  • ยกตัวอย่างเช่น ๔๐ ปีที่แล้ว เราผ่อนบ้านเวลา ๑๕ ปี ผ่อนรถ ๓ ปี แต่วันนี้ ผ่อนบ้าน ๓๐ ปี ผ่อนรถ ๗ ปี ....ต่อไป บ้านอาจต้องผ่อนตลอดชีวิต ที่เป็นเช่นนี้เพราะ ราคาที่ดินเพิ่มขึ้นตลอดเวลา และสาเหตุก็คือ "ทุนนิยมเสรี"
  • พวกทุนนิยมเสรี แท้จริงแล้วก็ใช้ทฤษฎีการอยู่รอดของ ชาวส์ ดาวิน "คนแข็งแกร่ง เท่านั้นที่จะอยู่รอด" บอกว่า การปกป้องผู้อ่อนแอโดยรัฐ จะนำไปสู่ความพินาศของผู้อ่อนแอ และทำให้ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นที่อยู่รอด
  • นายทุนใหญ่ ๆ เช่น แอนดรู คาเนกี้ ร็อคกี้ เฟลเลอร์ ฯลฯ นี้จะตั้งมูลนิธิฯ เพื่อให้ทุนการศึกษากับประเทศโลกที่ ๓ เหมือนจะดี แต่ความจริงแล้ว เอาไปหลอมความคิด เอาไปเรียนกติกา เพื่อเอาเงินทุนไปลงทุน ซึ่งผู้ได้ประโยชน์มากที่สุดก็คือทุนใหญ่ ๆ นั่นเอง ... เรียกว่า สิ่งที่ทำคือ Soft Power

(จบม้วนครับ มาจับต่อบันทึกหน้า) ใช้เวลาประมาณ ๑ ชั่วโมงครึ่ง ครับ

หมายเลขบันทึก: 608598เขียนเมื่อ 18 มิถุนายน 2016 08:15 น. ()แก้ไขเมื่อ 18 มิถุนายน 2016 08:15 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท