จากคำถามที่มีคุณค่ายิ่งของคุณ seangja ที่ได้ตั้งคำถาม ว่า ทำอย่างไรถึงจะคิดเร็วเขียนเร็วได้แบบปภังกร ที่ทำให้ผมนอนกระวนกระวายเพราะต้องขบคิดเรื่องนี้ตลอดวันที่ผ่านมา
สิ่งแรกที่ผมคิดได้หลังจากที่ย้อนกลับไปคิดถึงที่มาที่ไปและพยายามทำ AAR of Life ในชีวิตของผมเองนั้นก็ได้พบกับสาเหตุหลายประการครับ ซึ่งอย่างแรกที่ขออนุญาตกราบเรียนกล่าวถึงนั้นก็คือเรื่อง "ต้องฝึก" เป็นปัจจัยหลักที่สำคัญที่สุดครับ
แต่ก่อนที่จะเล่าถึงเรื่องต้องฝึกนั้น ต้องขออนุญาตบอกทุกท่านก่อนว่า "ผมไม่ได้เขียนเร็วหรอกครับ" เพราะบางวันก็เขียนอะไรไม่ได้เลย ไม่ได้แม้แต่ตัวเดียว เปิดคอมสองรอบก็แล้วสามรอบแล้วก็แล้ว ถ้ายังไม่ได้ Fill ก็ยังเขียนไม่ได้เลยครับ แต่ถ้าได้ Fill อย่างเช่นคืนนี้ก็จะเขียนได้หลายบันทึกมากครับอาจจะเรียกได้ว่าไหลทะลักมาเลยทีเดียวครับ ก็เหตุเพราะว่าผมเป็นคนพิมพ์เร็วครับ แต่ลายมือแย่มาก ๆ ครับ (เพื่อน ๆ เรียกว่า ไก่กระโดดเขี่ยครับ) ดังนั้นก็จะต้องทดแทนด้วยการฝึกพิมพ์ให้มากที่สุดครับ ดังนั้นเมื่อทุกอย่างพร้อม กายพร้อม ใจพร้อม แต่ละบันทึกจะเร็วมากครับ
ย้อนกลับมาถึงเรื่องหลัก เรื่องของการ "ต้องฝึก" นั้นต้องมองกลับไปเมื่อสมัยหนุ่ม ๆ ครับ ด้วยเป็นเพราะว่าเมื่อก่อนตอนสมัยที่ผมทำงานอยู่ที่อุตรดิตถ์นั้นผมเดินทางบ่อยมาก ๆ ครับ ทั้งไปสอนก็ดี ไปทำงานวิจัยหรือเดินทางไปประชุมก็ดีครับ การเดินทางแต่ละครั้งใช้เวลาค่อนข้างมากครับ หลายชั่วโมงเลยทีเดียว อาทิเช่นถ้าเข้ากรุงเทพฯ ขึ้นรถไฟสองทุ่มกว่าจะถึงก็ตีห้าหรือเกือบ ๆ หกโมงเช้าครับ หรือการเดินทางที่บ่อยที่สุดก็คือการเดินทางไปสอนที่วิทยาเขตน่าน (ทุ่งศรีทอง) ใช้เวลาเดินทางไปกลับ 6 ชั่วโมง ในช่วงการเดินทางนี้เรียกได้ว่าเป็นช่วงที่ "น่าเบื่อ" สุด ๆ ของผมเลยครับ
พอนั่งไปนั่งมาไม่รู้จะทำอะไรครับ ก็ได้แต่นั่งคิด คิด คิด แล้วก็คิด คิดโน่น คิดนี่ คิดไปเรื่อยครับ คิดย้อนถึงอดีตมาผนวกกับปัจจุบันและเชื่อมโยงไปกับอนาคต เดินทางบ่อย ๆ ก็ได้คิดมาก ๆ ครับ
ดังนั้นเรื่องการฝึกคิดนี้เป็นเรื่องที่สำคัญมากครับ
เพื่อน ๆ เคยแซว (ด่า) ผมบ่อย ๆ ว่า ผมเป็นพวกนักวางแผน ผมชอบคิดวางแผนแกล้งเพื่อนครับ พอเพื่อนเห็นผมเริ่มเงียบทีไรต้องคอยมาว่าทุกทีว่า "คิดจะแกล้งอะไรชั้นอีกเนี่ย" อันนี้ก็เป็นการฝึกคิดและวางแผนอย่างหนึ่งครับ (แต่ต้องเลือกคนแกล้งหน่อยนะครับ เพราะบางครั้งถ้าไม่ดูตาม้าตาเรืออาจจะโดนสวนได้ครับ ผมโดนบ่อยครับ)
การคิดเป็นเรื่องของทักษะ (Skills) อย่างหนึ่งครับ คิดมาก ๆ ทำให้รอยหยักในสมองมากขึ้น (ฟังเขาเล่ามาครับ) คิดบ่อย ๆ ทำให้เซลล์ในสมองที่อยู่กระจัดกระจายหรือขาดออกจากกันมีโอกาสเข้ามาประสานเรียงร้อยถักทอกันมากขึ้น
ดังนั้นช่วงที่มีเวลาว่างที่ไรผมก็จะคิดอยู่เสมอ หรือแม้กระทั่งจะพูดกับใครสักคนนึง ผมก็จะคิดเลยครับว่าจะเริ่มต้นพูดอย่างไรดี ถ้าพูดอย่างนี้เขาจะตอบมาอย่างไร ความรู้สึกในการฟังจะเป็นอย่างไร ใช้ประโยคไหนในการพูดดีกว่ากัน สิ่งนี้เรียนมาจากแม่ของผมเองครับ เพราะแม่ผมจะไม่ใช้ผมและลูก ๆ หยิบของหรือทำอะไรให้โดยใช้เป็นคำสั่ง อาทิเช่น หยิบแก้วน้ำให้หน่อย ตักน้ำให้หน่อย แต่แม่จะบอกว่า เดี๋ยวลูกชายก็ตักน้ำมาให้แม่กิน หรือไม่ก็ทำอย่างไรถึงจะได้กินน้ำ ซึ่งพอพูดปุ๊บผมก็ต้องลุกขึ้นไปตักน้ำโดยปริยายครับ สิ่งที่ผมได้สัมผัสกับคำพูดของแม่นี้ทำให้ผมพยายามที่จะคิดก่อนพูดทุกครั้ง คิดถึงคนฟัง คิดถึงคำตอบที่จะได้กลับมา โดยเฉพาะถ้าเราจะต้องไปสั่งให้คนอื่นทำอะไรให้เราจะต้องคิดอย่างมากครับ
ย้อนกลับมาที่การเขียนบันทึกก็ใช้หลักการเดียวกันครับ ก็คือ "ต้องฝึกคิด" ครับ ยิ่งคิดนาน ๆ ภาพยิ่งชัด ถ้าทุก ๆ ท่านลองเปิดย้อนกลับไปที่ตอนแรกผมตอบคุณ seangja นั้นผมกลับไปอ่านแล้วก็คิดว่ายังตอบไม่ค่อยดีนักครับ ซึ่งนั่นก็จะเป็นการฝึกการคิดในอีก Step หนึ่งก็คือการคิดให้ชัดและให้เร็ว ซึ่งนั่นจะมีประโยชน์มากสำหรับการเป็นวิทยากรหรือการเป็นคุณอำนวยครับ เพราะบางครั้งจะต้องพูดและคิดไปในเวลาเดียวกัน จะไม่มีเวลามานั่งคิด นอนคิด ตกแต่งคำหรือประโยคอย่างเช่นในบันทึกครับ ซึ่งตอนนี้ผมก็พยายามฝึกอยู่ครับ ถ้าท่านใดมีเทคนิคแนะนำเชิญได้เลยครับ ผมจะนำไปทดลองฝึกเพื่อพัฒนาตนเองครับ ขอขอบพระคุณมาล่วงหน้าครับ
การคิดคือทักษะ มิสามารถหาซื้อหาได้จากที่ไหน ต้องหมั่นสังเกตและฝึกปรือตนเองให้เหมาะสมกับบริบทของตนเอง แล้ววันหนึ่งท่านจะพูดและเขียนได้อย่างใจนึก
ปภังกร วงศ์ชิดวรรณ
อรุณสวัสดิ์ค่ะ
ขอบคุณที่เผยเคล็ดลับให้ได้รู้ค่ะ..แต่อิฉันก็ไม่ค่อยสบายใจนักที่ทำให้อจ.จอห์นนอนไม่ค่อยหลับต้องมานั่งขบคิดหาคำตอบมาให้...พักผ่อนบ้างนะคะเดี๋ยวหน้าทันตามวัยของป้าบวมแล้วจะหาว่าSeangjaไม่เตือน..อิอิ
จากที่อจ.ตอบมาทำให้คิดได้ว่า..ทักษะต่างๆที่จะทำให้คนเพิ่มพูนความสามารถและสมรรถนะต่างๆของตนเองไม่ว่าจะเป็นการพูด ฟัง อ่านเขียน ทำความเข้าใจนี่ สิ่งที่ต้องลงทุนก็คือการให้เวลาและลงมือทำด้วยตนเองอย่างสม่ำเสมอ..ไม่มีshortcut หรือเพ็คเก็จสำเร็จรูป..ฉนั้นจะฝึกหัดตนเองให้ในการคิดและเขียน(รวมถึงการบันทึก)ดีขึ้นและสม่ำเสมอมากขึ้นค่ะ...
สัมผัสได้ถึงความตั้งใจในการสื่อสารของคุณปภังกร ที่พยายามถ่ายทอดให้ทราบถึงที่มาของทักษะการคิดเร็วเขียนเร็ว และก็เป็นอย่างที่กล่าวไว้จริงซะด้วยสิค่ะ สิ่งสำคัญที่สุดเห็นจะเป็นตรงที่นอกจากจะมีทักษะดังกล่าวแล้ว ยังมีทักษะในการบอกเล่าให้ผู้อื่นได้รับรู้ "ด้วยใจ" นี่สิค่ะ เยี่ยมจริงๆ
วิรงค์รอง
เป็น Blogger ที่ผมชืนชมในใจมาโดยตลอด
มาเก็บเทคนิค เพื่อปรับปรุงตนเอง ให้เขียนได้ดีเหมือนท่านอาจารย์ปภังกรครับ
สิ่งหนึ่งที่ผมประทับใจ อีกก็คือ ความรักที่ละมุนระหว่างคุณแม่และคุณลูกครับ
ชอบชื่อ ท่าน ข้างบนครับ "วิรงค์รอง" ชื่อเพราะ แปลว่าอะไรหรือครับ?
ดีค่ะอาจารย์
บทความที่อาจารย์เขียนแนะนำดีมากเลยค่ะ
หนูจะติดตามผลงานอาจารย์ต่อไปนะค่ะ
คือหนูเขียนช้าไปน่อยพอครูพูดแล้วไม่รู้ว่าจะเขียนตัวไหนก่อนดีอ่ะ
สุดยอดครับ ขอบคุณมากๆครับอาจารย์