เทคนิคการเขียนเร็ว 1 : ต้องฝึก(คิด)


การคิดคือทักษะ มิสามารถหาซื้อหาได้จากที่ไหน ต้องหมั่นสังเกตและฝึกปรือตนเองให้เหมาะสมกับบริบทของตนเอง แล้ววันหนึ่งท่านจะพูดและเขียนได้อย่างใจนึก

จากคำถามที่มีคุณค่ายิ่งของคุณ  seangja ที่ได้ตั้งคำถาม ว่า ทำอย่างไรถึงจะคิดเร็วเขียนเร็วได้แบบปภังกร ที่ทำให้ผมนอนกระวนกระวายเพราะต้องขบคิดเรื่องนี้ตลอดวันที่ผ่านมา

สิ่งแรกที่ผมคิดได้หลังจากที่ย้อนกลับไปคิดถึงที่มาที่ไปและพยายามทำ AAR of Life ในชีวิตของผมเองนั้นก็ได้พบกับสาเหตุหลายประการครับ ซึ่งอย่างแรกที่ขออนุญาตกราบเรียนกล่าวถึงนั้นก็คือเรื่อง "ต้องฝึก" เป็นปัจจัยหลักที่สำคัญที่สุดครับ

แต่ก่อนที่จะเล่าถึงเรื่องต้องฝึกนั้น ต้องขออนุญาตบอกทุกท่านก่อนว่า "ผมไม่ได้เขียนเร็วหรอกครับ" เพราะบางวันก็เขียนอะไรไม่ได้เลย ไม่ได้แม้แต่ตัวเดียว เปิดคอมสองรอบก็แล้วสามรอบแล้วก็แล้ว ถ้ายังไม่ได้ Fill ก็ยังเขียนไม่ได้เลยครับ แต่ถ้าได้ Fill อย่างเช่นคืนนี้ก็จะเขียนได้หลายบันทึกมากครับอาจจะเรียกได้ว่าไหลทะลักมาเลยทีเดียวครับ ก็เหตุเพราะว่าผมเป็นคนพิมพ์เร็วครับ แต่ลายมือแย่มาก ๆ ครับ (เพื่อน ๆ เรียกว่า ไก่กระโดดเขี่ยครับ) ดังนั้นก็จะต้องทดแทนด้วยการฝึกพิมพ์ให้มากที่สุดครับ ดังนั้นเมื่อทุกอย่างพร้อม กายพร้อม ใจพร้อม แต่ละบันทึกจะเร็วมากครับ

ย้อนกลับมาถึงเรื่องหลัก เรื่องของการ "ต้องฝึก" นั้นต้องมองกลับไปเมื่อสมัยหนุ่ม ๆ ครับ ด้วยเป็นเพราะว่าเมื่อก่อนตอนสมัยที่ผมทำงานอยู่ที่อุตรดิตถ์นั้นผมเดินทางบ่อยมาก ๆ ครับ ทั้งไปสอนก็ดี ไปทำงานวิจัยหรือเดินทางไปประชุมก็ดีครับ การเดินทางแต่ละครั้งใช้เวลาค่อนข้างมากครับ หลายชั่วโมงเลยทีเดียว อาทิเช่นถ้าเข้ากรุงเทพฯ ขึ้นรถไฟสองทุ่มกว่าจะถึงก็ตีห้าหรือเกือบ ๆ หกโมงเช้าครับ หรือการเดินทางที่บ่อยที่สุดก็คือการเดินทางไปสอนที่วิทยาเขตน่าน (ทุ่งศรีทอง) ใช้เวลาเดินทางไปกลับ 6 ชั่วโมง ในช่วงการเดินทางนี้เรียกได้ว่าเป็นช่วงที่ "น่าเบื่อ" สุด ๆ ของผมเลยครับ

พอนั่งไปนั่งมาไม่รู้จะทำอะไรครับ ก็ได้แต่นั่งคิด คิด คิด แล้วก็คิด คิดโน่น คิดนี่ คิดไปเรื่อยครับ คิดย้อนถึงอดีตมาผนวกกับปัจจุบันและเชื่อมโยงไปกับอนาคต เดินทางบ่อย ๆ ก็ได้คิดมาก ๆ ครับ

ดังนั้นเรื่องการฝึกคิดนี้เป็นเรื่องที่สำคัญมากครับ

เพื่อน ๆ เคยแซว (ด่า) ผมบ่อย ๆ ว่า ผมเป็นพวกนักวางแผน ผมชอบคิดวางแผนแกล้งเพื่อนครับ พอเพื่อนเห็นผมเริ่มเงียบทีไรต้องคอยมาว่าทุกทีว่า "คิดจะแกล้งอะไรชั้นอีกเนี่ย" อันนี้ก็เป็นการฝึกคิดและวางแผนอย่างหนึ่งครับ (แต่ต้องเลือกคนแกล้งหน่อยนะครับ เพราะบางครั้งถ้าไม่ดูตาม้าตาเรืออาจจะโดนสวนได้ครับ ผมโดนบ่อยครับ)

การคิดเป็นเรื่องของทักษะ (Skills) อย่างหนึ่งครับ คิดมาก ๆ ทำให้รอยหยักในสมองมากขึ้น (ฟังเขาเล่ามาครับ) คิดบ่อย ๆ ทำให้เซลล์ในสมองที่อยู่กระจัดกระจายหรือขาดออกจากกันมีโอกาสเข้ามาประสานเรียงร้อยถักทอกันมากขึ้น

ดังนั้นช่วงที่มีเวลาว่างที่ไรผมก็จะคิดอยู่เสมอ หรือแม้กระทั่งจะพูดกับใครสักคนนึง ผมก็จะคิดเลยครับว่าจะเริ่มต้นพูดอย่างไรดี ถ้าพูดอย่างนี้เขาจะตอบมาอย่างไร ความรู้สึกในการฟังจะเป็นอย่างไร ใช้ประโยคไหนในการพูดดีกว่ากัน สิ่งนี้เรียนมาจากแม่ของผมเองครับ เพราะแม่ผมจะไม่ใช้ผมและลูก ๆ หยิบของหรือทำอะไรให้โดยใช้เป็นคำสั่ง อาทิเช่น หยิบแก้วน้ำให้หน่อย ตักน้ำให้หน่อย แต่แม่จะบอกว่า เดี๋ยวลูกชายก็ตักน้ำมาให้แม่กิน หรือไม่ก็ทำอย่างไรถึงจะได้กินน้ำ ซึ่งพอพูดปุ๊บผมก็ต้องลุกขึ้นไปตักน้ำโดยปริยายครับ สิ่งที่ผมได้สัมผัสกับคำพูดของแม่นี้ทำให้ผมพยายามที่จะคิดก่อนพูดทุกครั้ง คิดถึงคนฟัง คิดถึงคำตอบที่จะได้กลับมา โดยเฉพาะถ้าเราจะต้องไปสั่งให้คนอื่นทำอะไรให้เราจะต้องคิดอย่างมากครับ

ย้อนกลับมาที่การเขียนบันทึกก็ใช้หลักการเดียวกันครับ ก็คือ "ต้องฝึกคิด" ครับ ยิ่งคิดนาน ๆ ภาพยิ่งชัด ถ้าทุก ๆ ท่านลองเปิดย้อนกลับไปที่ตอนแรกผมตอบคุณ seangja นั้นผมกลับไปอ่านแล้วก็คิดว่ายังตอบไม่ค่อยดีนักครับ ซึ่งนั่นก็จะเป็นการฝึกการคิดในอีก Step หนึ่งก็คือการคิดให้ชัดและให้เร็ว ซึ่งนั่นจะมีประโยชน์มากสำหรับการเป็นวิทยากรหรือการเป็นคุณอำนวยครับ เพราะบางครั้งจะต้องพูดและคิดไปในเวลาเดียวกัน จะไม่มีเวลามานั่งคิด นอนคิด ตกแต่งคำหรือประโยคอย่างเช่นในบันทึกครับ ซึ่งตอนนี้ผมก็พยายามฝึกอยู่ครับ ถ้าท่านใดมีเทคนิคแนะนำเชิญได้เลยครับ ผมจะนำไปทดลองฝึกเพื่อพัฒนาตนเองครับ ขอขอบพระคุณมาล่วงหน้าครับ

การคิดคือทักษะ มิสามารถหาซื้อหาได้จากที่ไหน ต้องหมั่นสังเกตและฝึกปรือตนเองให้เหมาะสมกับบริบทของตนเอง แล้ววันหนึ่งท่านจะพูดและเขียนได้อย่างใจนึก

ปภังกร วงศ์ชิดวรรณ

หมายเลขบันทึก: 60775เขียนเมื่อ 18 พฤศจิกายน 2006 03:08 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 มิถุนายน 2012 15:28 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (11)

อรุณสวัสดิ์ค่ะ

ขอบคุณที่เผยเคล็ดลับให้ได้รู้ค่ะ..แต่อิฉันก็ไม่ค่อยสบายใจนักที่ทำให้อจ.จอห์นนอนไม่ค่อยหลับต้องมานั่งขบคิดหาคำตอบมาให้...พักผ่อนบ้างนะคะเดี๋ยวหน้าทันตามวัยของป้าบวมแล้วจะหาว่าSeangjaไม่เตือน..อิอิ

จากที่อจ.ตอบมาทำให้คิดได้ว่า..ทักษะต่างๆที่จะทำให้คนเพิ่มพูนความสามารถและสมรรถนะต่างๆของตนเองไม่ว่าจะเป็นการพูด ฟัง อ่านเขียน ทำความเข้าใจนี่ สิ่งที่ต้องลงทุนก็คือการให้เวลาและลงมือทำด้วยตนเองอย่างสม่ำเสมอ..ไม่มีshortcut หรือเพ็คเก็จสำเร็จรูป..ฉนั้นจะฝึกหัดตนเองให้ในการคิดและเขียน(รวมถึงการบันทึก)ดีขึ้นและสม่ำเสมอมากขึ้นค่ะ...

 

สัมผัสได้ถึงความตั้งใจในการสื่อสารของคุณปภังกร ที่พยายามถ่ายทอดให้ทราบถึงที่มาของทักษะการคิดเร็วเขียนเร็ว และก็เป็นอย่างที่กล่าวไว้จริงซะด้วยสิค่ะ สิ่งสำคัญที่สุดเห็นจะเป็นตรงที่นอกจากจะมีทักษะดังกล่าวแล้ว ยังมีทักษะในการบอกเล่าให้ผู้อื่นได้รับรู้ "ด้วยใจ" นี่สิค่ะ เยี่ยมจริงๆ

วิรงค์รอง

เป็น Blogger ที่ผมชืนชมในใจมาโดยตลอด

มาเก็บเทคนิค เพื่อปรับปรุงตนเอง ให้เขียนได้ดีเหมือนท่านอาจารย์ปภังกรครับ

สิ่งหนึ่งที่ผมประทับใจ อีกก็คือ ความรักที่ละมุนระหว่างคุณแม่และคุณลูกครับ

ชอบชื่อ ท่าน ข้างบนครับ "วิรงค์รอง" ชื่อเพราะ แปลว่าอะไรหรือครับ?

  • ผมไม่ค่อยได้เข้ามาให้ความคิดเห็นในบันทึกของคุณปภังกรครับ
  • วันก่อนผมเข้าไปอ่านที่เป็นเรื่องคำถาม..คำตอบในเรื่องนี้..แล้วเห็นคำตอบของคุณปภังกรแล้วถูกใจมากเลยครับ...คิดว่านะจะเอามาเขียนเป็นบันทึก..และก็ได้เห็นแล้วคือบันทึกนี้..
  • อยากบอกว่า...ถ่ายทอดออกมาได้เยี่ยมเลยครับ...ชอบมากบันทึกนี้
  • นับว่าเป็นบันทึกต้นแบบ...แบบหนึ่ง...ของผู้เคยได้รับรางวัลสุดคะนึงนะครับ..
  • สวัสดีครับคุณ seangja
  • สำหรับเรื่องที่ทำให้ผมคิดนั้นไม่มีปัญหาเลยครับ "ผมชอบ" ครับ ชอบคิดโน่นคิดนี่อยู่แล้วครับ คำถามที่คุณ seangja ฝากไว้เป็นการบ้านให้ผมเป็นสิ่งที่ดียิ่งเลยครับ ถ้าอย่างไรมาถามบ่อย ๆ นะครับ ขอบคุณล่วงหน้าครับ
  • ส่วนเรื่องหน้าที่จะทันป้าบวมนั้น สงสัยว่าจะไม่ทันการแล้วครับ เพราะใคร ๆ ก็ว่าผมหน้าตาเลยวัย (อายุจริง) ไปเยอะเหมือนกันครับ ถ้าคุณ seangja มีเทคนิคการทำ Baby Face มาบอกผมสักนิดก็ดีนะครับ จะได้ทำบ้าง อิอิ
  • ใช่เลยครับ เทคนิคพวกนี้หาซื้อแบบบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไม่ได้ครับ ถึงแม้ว่าเดี๋ยวนี้จะมีคนเขียนออกมาขายเป็นหนังสือเยอะ ถึงจะซื้อไปแล้วหนุนหัวนอนก็ไม่ออสโมซิสเข้าไปแล้วเขียนได้รู้ได้ครับ ดั่งเช่นภาษาอังกฤษกับผมเนี่ยครับ หนังสือเรียนภาษาอังกฤษของผมแทบจะท่วมตายครับ แต่ถึงกระนั้นภาษาอังกฤษของผมก็ยัง Snake ๆ Fish ๆ (งู ๆ ปลา ๆ )อยู่ดีครับ เพราะไม่ได้ฝึกฝน ไม่ได้จับขึ้นมาและใช้ในชีวิตประจำวันครับ
  • การคิดและการเขียนเป็นทักษะที่ต้องฝึก ต้องทำต้องหัดต้องลองถึงจะได้ครับ ดังนั้น ข้อนี้จึงเป็นวัตถุประสงค์หนึ่งของการมี G2K ครับ ที่จะทำให้เรามีเวทีเพื่อฝึกฝนฝีมือของตนเองครับ ผมพัฒนาขึ้นมาได้ก็เพราะ G2K แห่งนี้ครับ
  • แต่ถึงกระนั้น ผมก็แอบเข้าไปเรียนรู้เทคนิคการเขียนต่าง ๆ ของคุณ seangja เยอะมากครับ เพราะคุณ seangja  เขียนถ่ายทอดความรู้สึกได้ดีมากครับ ดังนั้นคุณ seangja ก็ถือว่าเป็นอาจารย์ของผมคนหนึ่งเหมือนกันครับ
  • สวัสดีครับคุณวิรงค์รอง (ชื่อเพราะมากครับ)
  • สำหรับผมนั้นก็ได้อย่างเสียอย่างครับ ที่ได้ก็คือเขียนเร็วคิดเร็ว แต่ก็จะเสียเรื่องของความรอบคอบไปหน่อยครับ บางครั้งก็มีคำผิดหรือพิมพ์ผิดคำไปเลยครับ ตอนนี้ก็พยายามคิดให้เร็วและรอบคอบขึ้นครับ
  • ขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูงที่เข้ามาแลกเปลี่ยนเรียนรู้และเติมเต็ม รวมถึงกำลังใจที่มีให้กันครับ
  • สวัสดีครับท่านอาจารย์จตุพร
  • ผมก็เข้าไปเก็บเกี่ยวเทคนิคการเขียนบันทึกจากท่านอาจารย์เสมอครับ โดยเฉพาะเทคนิคการทำงานวิจัยและเขียนบันทึกเกี่ยวกับเรื่องของการท่องเที่ยวครับ (เราไปเรียนปริญญาเอกด้านการท่องเที่ยวด้วยกันไหมครับ)
  • ตอนนี้ผมพยายามเก็บและเสพความรักแท้ (Acutally Love) จากพ่อและแม่ให้มากที่สุดครับ และพยายามถ่ายทอดสิ่งต่าง ๆ มาเพื่อกระตุ้นและสร้างวันแม่ให้เกิดขึ้นทุก ๆ วันครับ เพื่อให้สังคมของเราอุดมไปด้วยความรักครับ

 

  • สวัสดีครับท่านอาจารย์ beeman
  • ผมก็ติดตามอ่านบันทึกของท่านอาจารย์เสมอครับ รวมทั้งถึงพยายามเรียนรู้เทคนิคการเขียนที่ดีกับอาจารย์มามากครับ เพราะบันทึกของอาจารย์เป็นบันทึกที่มีคุณภาพสูงควรค่าแห่งการได้รับรางวัลสุดคะนึงครับ
อังศุมาลิน สิรภัทรศักดิ์เมธา

ดีค่ะอาจารย์

บทความที่อาจารย์เขียนแนะนำดีมากเลยค่ะ

หนูจะติดตามผลงานอาจารย์ต่อไปนะค่ะ

คือหนูเขียนช้าไปน่อยพอครูพูดแล้วไม่รู้ว่าจะเขียนตัวไหนก่อนดีอ่ะ

สุดยอดครับ ขอบคุณมากๆครับอาจารย์

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท