เมื่อรู้แน่ชัดแล้วว่าขณะนี้มีเจ้า TB เข้ามาแฝงกายอยู่ที่ขั้วปอดข้างขวาของตนเอง คุณหมอเอ๋(แพทย์หญิงนาฏพธู)ผู้น่ารักใช้หลัก Counselling คือให้ดิฉันเลือกตัดสินใจว่าจะกินยาหรือไม่ ดิฉันเลือกที่จะกินยาเพราะเป็นห่วงเด็กๆ(ที่ติดเชื้อเอชไอวี)ที่ต้องมาพบปะพูดคุยกับดิฉันอยู่เป็นประจำ กลัวว่าดิฉันเองอาจจะเป็นผู้แพร่เชื้อ TB ให้กับเด็กที่มีภูมิคุ้มกันอยู่น้อยนิดได้โดยไม่รู้ตัว กินยามาได้ 6 วันทำให้ได้ประสบการณ์มากมายเกี่ยวกับผลข้างเคียงของยา(อันไม่น่าภิรมย์เอาเสียเลย)เวลาจะหยิบยาเข้าปาก เมื่อมองดูเม็ดยา อดไม่ได้ที่จะนึกถึงคำพูดของเด็กๆ เช่น “หนูเบื่อมากเลย ยามันเม็ดใหญ่ กลืนลำบาก” “ป้าหน่อย กวางนะ กว่าจะกินยานั่งมองยาอยู่นั่นแหละ” “ก็หนูต้องทำใจก่อน ยามันเยอะ กินยาแล้วก็ต้องกินน้ำมันแน่นท้องมากเลย”“หนูเบื่อข้าวมากเลย มันไม่อยากกิน” “ป้าหน่อยหนูไม่กินยาได้มั้ย” ฯลฯ ปกติเวลาได้ยินเด็กๆบ่นเบื่อกินยาก็รู้สึกเห็นใจและสงสาร ต้องคอยปลอบใจให้กำลังใจด้วยคำพูดบางครั้งก็ต้องอัดฉีดด้วยขนมนมเนย ของเล่น แต่ขณะนี้เมื่อตัวเองต้องมากินยา(รักษา TB)ก็ยิ่งสงสารและเข้าใจเด็กๆมากยิ่งขึ้นว่าทำไมเด็กๆถึงเบื่อกินยา เบื่ออาหาร มีความสุขน้อยลง ต้องการคำปลอบใจ(Cheer up) ความเข้าใจจากคนรอบข้าง แพทย์ให้หยุดงาน 2 สัปดาห์ คิดถึงเด็กๆทุกๆวัน คอยถามข่าวจากเจ้าหน้าที่แผนกผู้ป่วยนอกเด็กอยู่เสมอว่าเด็กๆเป็นอย่างไรกันบ้าง <p align="right"> “ป้าหน่อย”</p><p align="center"></p>
ป้าหน่อยเอาเวลามาเขียนบล็อกทุกวัน เล่าเรื่องเด็กๆที่ป้าหน่อยคิดถึงสิคะ เขียนได้สนุกน่ารักและอบอุ่นออกค่ะ จะได้อ่านเยอะๆ แทนที่จะเป็นเดือนละบันทึกอย่างที่ผ่านมา
เป็นกำลังใจให้นะคะ 2 สัปดาห์ อ่าน GotoKnow ให้หมดเลยนะคะ ตอนนี้มีแค่ 5 หมื่นกว่าบันทึกเองค่ะ ;-)