735. "สมอง 4.0"


เรียนรู้ศาสตร์ OD จากสามก๊ก (ตอนที่ 56)

ผมมีโอกาสได้เรียนเรื่องสมองทาง Online Course จากผู้เชี่ยวชาญด้านสมองคนหนึ่งชื่ออาจารย์ Gregory Caremans อาจารย์แต่งหนังสือเรื่อง Meet You Brain ...น่าสนใจครับ อาจารย์ศึกษาศาสตร์ด้านสมอง โดยพูดถึงสมองหลักๆของเราสี่ส่วนคือ

Retilian Brain หรือ Surviving Brain สมองส่วนโบราณสุด ทำหน้าที่ปกป้องตัวเราจากภัยคุกคามต่างๆมันจะถูกกระตุ้นด้วยอารมรณ์ลบ หรือเหตุการณ์ที่ดูจะคุกคามชีวิต เราจะเอาตัวรอดได้ตัวคนเดียวครับ มันทำหน้าที่สามอย่างคือ Fight สู้ Flee หนี หรือ Freeze แกล้งตายเท่านั้น ...เหมาะกับเราตอนอยู่ในป่า หรือเดินอยู่กลางถนน แล้วเจอรถวิ่งมา เราต้องวิ่งหลบ เราจะใช้ตัวนี้ ปัญหาคือพอเรามีวิวัฒนาการ เรามาอยู่ในเมือง ในห้องเรียน ถ้าไม่ระวังเหตุการณ์ด้านลบ เช่นครูดุ หรือนายด่า เพื่อนว่า ที่ประชุมน่าเบื่อ...เจ้าตัวนี้ทำงานเลย ..ถ้าไม่ระวังคุณจะสู้ ด้วยความก้าวร้าวเช่นเถียงอย่างเอาเป็นเอาตาย (Fight) หรือเดินเข้าห้องน้ำบ่อยๆ (Flee) หรือไม่ก็นิ่งเงียบไม่พูด แล้วก็ไม่คิดด้วย (Freeze) ... อ้อ เข้าใจเลย สมัยก่อนสอนนักศึกษาใหม่ๆ ไม่รู้เทคนิคนี่ นั่งเงียบเลย ถามอะไรก็ไม่ตอบ พอตอบก็ตอบไม่ได้ เหมือนไม่มีความคิดเลย..ใช่ครับเราอาจกระตุ้นสมอง Reptilian Brain เขาก็ได้ หรือนักศึกษาเองก็อาจผ่านประสบการณ์ในการเรียนกับระบบที่ครูดูเหมือนมีอำนาจล้นฟ้า เพราะฉะนั้นแกล้งตายดีกว่า... สมองส่วนนี้น่ากลัวครับ ถ้าถูกระตุ้นเราจะคิดอะไรไม่ออก หรือถ้าทำอะไรก็ทำแบบไม่ฉลาด ...เคยเห็นคนอยู่ในอารมณ์ลบเช่นโกรธ เกลียด พยาบาท โลภ เบลอๆ ทำอะไรฉลาดๆไหม...ผมถามมาเป็นพัน ไม่ครับ เพราะฉะนั้นหากเจอคนอยู่ในอารมณ์ลบ ต้องให้เขาสงบก่อน ใช้คำพูดดีๆ บรรยากาศดีๆ เพื่อเปลี่ยน สับสวิตช์ให้เขาไปใช้สมองซีกอื่นๆ สมองนี้ถ้าใช้ผิดที่ พาคนล้มเหลวต่อหน้าต่อตามามากแล้วครับ

Paleolimbic Brain สมองเอาตัวรอดเป็นกลุ่ม สมองส่วนนี้พัฒนาขึ้นมาหน่อย ช่วยให้คนเอาตัวรอดเป็นกลุ่ม เคยทำงานเป็นกลุ่มไหมครับ คุณจะพบทั้งกลุ่มดี กลุ่มไม่ดี ...เวลามนุษย์เรารวมตัวกันเป็นกลุ่มไม่ว่าจะเป็นในครอบครัว ชั้นเรียน ที่ทำงาน เรามักจะมีคนลุกขึ้นมาเป็นแกนนำเสมอ ...เขาจะสร้างกติกา เพื่อทำให้กลุ่มเอาตัวรอด ปัญหาคือกติกานั้นจะทำให้กลุ่มไปได้ดีหรือไม่ บางบ้านคุณจะเห็นพ่อประสบความสำเร็จ แต่ด้วยกติกาในครอบครัวไม่ดี ลูกหลานอาจพัฒนาตนเองมาไม่ดีก็ได้ ครูถ้าสร้างกติกาดีๆ ลูกศิษย์ที่อยู่ด้วยก็มีความสุข ที่ทำงานถ้ามีนโยบายดีๆ กลยุทธ์ดีๆ ก็ไปรอด

Neolimbic Brain สมองของแรงจูงใจ แรงจูงใจของมนุษย์มาจากสองแหล่ง คือทั้งแรงจูงใจภายใน (Intrinsic Motivation) เช่นทำงานเพราะรักในอาชีพนั้นจริงๆ คนมีแรงจูงใจภายใจจะพัฒนาตัวเอง สร้างความก้าวหน้าให้ตัวเองโดยไม่มีใครบังคับ และแรงจูงใจภายนอก (Extrinsic Motivation) นี่มาจากเงื่อนไขภายนอกเช่นค่านิยม เช่นมาทำอาชีพนี้เพราะพ่อแม่อยากให้ทำ หรือทำเพราะมันดูมีหน้ามีตาดี ...ข่าวร้ายครับ ถ้าตอนนี้คุณทำอะไรเพราะแรงจูงใจภายนอก พออายุมากขึ้นจะเกิด Midlife Crisis หรือวิกฤติวัยกลางคน ตอนนี้เริ่มเห็นแล้วครับ เนื่องจากมีคนมาคุยด้วยเป็นจำนวนมาก ..ที่พูดๆกันว่า “ยังหาตัวเองไม่เจอนี่แหละครับ” บางที่อาจเผลอติดกับดักสมองตัวเองมานาน

Prefrontal Context สมองส่วนหน้าของมนุษย์ ตัวนี้ว่ากันว่าเป็นของขัวญจากสวรรค์ สมองส่วนนี้ทำหน้าที่คิดกลยุทธ์ สร้างสรรค์งาน วิธีการต่างๆ กระตุ้นด้วยอารมณ์ หรือสงบๆ ...สังเกตไหมเวลาทะเลาะกับใคร ถ้าตอบโต้กลับ เรามักเสียใจกลับมาทุกครั้ง เราดูเหมือนทำอะไรโง่ๆ นั่นเพราะเราใช้ Reptilian Brain คิด แต่ถ้าเรากลับมาพัก ได้คุยกับเพื่อน สังเกตไหมครับ คุณจะเริ่มหาหนทางออกดีๆได้เอง ..นี่ไง Prefrontal contxt ของคุณทำงานแล้ว ...ผมเองทำงานมาก ...ชัดมากครับ หลับๆ ...พอตื่อนขึ้นอะไรที่ว่ายากๆ พอเช้าวันถัดไป พายุสงบลงแล้ว เท่านั้นเองทุกอย่างสบาย คิดออก คิดดี สร้างสรรค์ด้วย

สรุปถ้าจะทำให้ชีวิตอาจารย์แนะนำดังนี้

Reptilian Brain ใช้ตอนฉุกเฉิน เอาชีวิตรอดเท่านั้น แต่ในเวลางาน เวลาครอบครัว หลีกเลี่ยงอารมณ์ลบครับ อย่าทำอะไรขณะกำลังโกรธ พยาบาท (โกรธนาน) หรือกระตุ้นใครในบ้านในองค์กรด้วยคำพูดลบๆ หยาบๆ แย่ๆ แต่ถ้าเจอเหตุการณ์นั้นให้พักไว้ก่อน หรือทำใจเย็นๆ พูดเสียงเบาๆ จะทำให้คู่สนทนา Switch สมองไปใช้สมองส่วนหน้าคิดทันที

Paleolimbic Brain ตั้งกติกาดีๆ พ่อผมสมัยเด็กตั้งกติกาง่ายๆ ขอตังค์ซื้อของเล่นไม่ได้ครับ แต่ถ้าทำอะไรเกี่ยวกับหนังสือ หรือประดิษฐ์ของเองให้ ได้ผลครับ ผมทำกล้อมดูดาวจากขยะเองตั้งแต่ม. 2 เลยชอบอะไรเกี่ยวกับการประดิษฐ์คิดค้น จนมาเรียนวิศวะในเวลาต่อมา

Neolimbic Brain ค้นหาสิ่งที่เรารัก แล้วเอาไปแก้ปัญหาให้โลก พัฒนาเป็นอาชีพไปด้วย นี่เรียกว่าการหา Purpose หรือ IKIGAI (ญี่ปุ่น) ระวังเงื่อนไขสังคม พ่อแม่ ที่ทำงาน ..บางที่หาแต่รางวัลภายนอก แต่ข้างในเน่ามาก นี่ก็ไม่ไหวครับ

Prefrontal Brain ไปวัด นั่งสมาธิ ทำอารมณ์ให้ดี หรือเป็นกลาง สบายๆ เดวคิดออกเอง

มาเลยครับต่อมามาวิเคราะห์สามก๊กกัน ผมมองแล้วว่าคนธรรมดาอย่างเล่าปี่ก้าวขึ้นเป็นมหาอำนาจในสามก๊กได้ ทั้งๆที่เริ่มต้นกองทัพด้วยคนเพียงสามคนก็เพราะใช้สมองเป็นครับ แต่ก็พังเพราะสมองตัวเอง

ลองดูนะครับ ถ้าดูตอนแรกๆ ...

ระยะแรกๆ จะเห็นเล่าปี่นี่ใจเย็นครับ สุดใจเย็น ค่อยๆมองหาผู้กล้า ที่สุดไปเจอกวนอู เตียวหุย นี่เรียกว่าใช้ (Prefrontal Context) ... ต่อมาก็พาทั้งสองคนสาบานเป็นพี่น้องที่สวนดอกท้อนี่คือสร้างกติกากลุ่ม (Paleolimbic Brain) ส่วนแรงจูงใจก็เหมือนจะมาจากภายในจริงๆ เพราะยืนหยัดที่จะกู้ราชวงค์ ไม่ยอมใครง่ายๆ ไม่ยอมรับลาภยศอะไร (นี่ก็ใช้ Neolimbic Brain) ...จะเห็นว่าขนาดโจโฉยังแอบชมว่าเล่าปี่ไม่หวั่นไหว แม้มีคนเพียงสามคน ตอนไปร่วมรบกับอ้วนเสี้ยว (ชาวบ้านมีเป็นหมื่น) ... จะเห็นว่าเล่าปี่ใช้สมองถูกที่ และก็สร้างตัวได้อย่างฉลาด

แต่ตอนท้ายๆพอขึ้นเป็นฮ่องเต้ก็เอาละครับน้องร่วมสาบานถูกฆ่า ...คราวนี้โกรธนำ...เหมือนเล่าปี่เจอสมอง Retilian Brain ครอบงำ กอปรกับกติกากลุ่มเปลี่ยนขึ้นเป็นฮ่องเต้มีกฎหมาย และประเพณีสมัยนั้นรองรับ ..ไปเลยคราวนี้ แถมไม่ได้ทำเพื่ออาณาประชาราษฎ์ เหมือนตอนต้นๆ Neolimbic ก็ไปแล้ว ที่สำคัญพอโกรธ ก็ไม่ใช้ Prefrontal Context คุณก็จะเห็นว่าเล่าปี่ทำอะไรโง่ๆ และก็พังในที่สุด ผมว่าการที่เล่าปี่ไม่ใช้สมองดีๆในครั้งนั้นทำให้จ๊กก๊กรบแพ้ สร้างปัญหาตลอดมา เพราะกำลังสูงเสียไป 70,000 อย่าลืมครับไม่ใช่แค่ 70,000 เพราะในนี้มีคนต้องเสียใจอยู่ข้างหลังอีกมหาศาล ผมว่าน่าจะเป็นแสนๆ...ไม่พอครับเล่าปี่ยังขอให้ขงเบ้งช่วยดูแลลูกที่ดูอ่อนไร้ความสามารถที่จะมาสร้างกติกาดีๆ จากแรงจูงใจดีๆ ... คนนี้คือเล่าเสี้ยน

ไปเลยครับ ผมว่ายุคนั้นคนในอาณาจักรจ๊กก๊กต้องรู้สึกไม่ดีกับอนาคตของตัวเองแน่ๆ ข่าวลบๆ คงมีมาไม่เว้นแต่ละวัน เต้าข่าวเองบ้าง จริงบ้าง ความเชื่อมั่นที่สั่นครอน ประชาชนจำนวนมากคงถูกกระตุ้น Reptilian Brain ขึ้นมา ..เสนาอำมาตย์ก็กลายมาใช้ Retilian Brain เอาตัวรอด แถมตอนหลังพอเล่าเสี้ยนครองบัลลังค์ก็เชื่อขันทีที่มีอำนาจขึ้นมาสร้างกติกาประหลาดๆ ...จบครับ เหมือนเป็นอาณาจักรที่ใช้ Retialin Brain ...เหลือเกียงอุยกับทัพของเขาเท่านั้น ..แต่ที่สุดด้วยสมอง Retilian Brain ครอบงำ...ฝ่ายปกครองที่สุด ก็ไปครับ ...

นี่เท่าที่ผมวิเคราะห์สามก๊กในมุมมองสมองนะครับ .

สรุปแล้วน่ากลัวไม่ครับ องค์กรตอนนี้ก็ต้องระวังด้านลบ กติกา แรงจูงใจ ความคิดสร้างสรรค์ กลยุทธ์ดีๆ ...ถ้าองค์กรใดถูกครอบงำด้วยบรรยากาศลบๆ กติกาโหดๆ ผู้บริหารมีแรงจูงใจที่ไม่ดี ไปแน่ครับ ...ธนาคารบางแห่งด้วยบ้าคลั่งผลงานมาก บรรยากาศลบเต็มไปหมด ตอนนี้บ่นแล้ว... “ทำไมไม่มีเด็กจากสถาบันมีชื่อมาสมัครงานเลยอาจารย์” ...ใครจะมาครับ คิดดีๆ

ผมจะค่อยๆเล่าเรื่องนี้ออกมาเรื่อยๆ พร้อมแนะนำวิธีการ ที่ผมเองก็ทดลองมาด้วยตนเองมาแชร์ให้ท่านผู้อ่านดูเรื่อยๆนะครับ

ขอบคุณมากที่สละเวลามาอ่านบทความนี้นะครับ


คำถามคือ "คุณใช้สมองอย่างไรครับ ที่บ้าน ที่ทำงาน เป็นอย่างไร"


Reference:

หมายเลขบันทึก: 606968เขียนเมื่อ 22 พฤษภาคม 2016 08:10 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 มกราคม 2017 10:33 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

ได้แนวทางเพื่อการสอนต่อไป ขอบคุณ ครับ

เป็นบทความที่น่าติดตามและมีคุณค่ายิ่ง ขอบพระคุณค่ะอาจารย์ : )

ชัดเจน เห็นภาพค่ะ อ่านสนุกค่ะ ขอบคุณค่ะ

ขอบคุณสำหรับบทความที่ทรงคุณค่านะครับอาจารย์

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท