สมุยบันเทิง ๒
เมื่อคืนหลังจากเสร็จสิ้นภารกิจมื้อเย็น ก็แวะห้องสมุดและห้องดูหนัง
น้องจ้าตื่นเต้นกับการปีนบันไดทำท่าหาหนังสือมาอ่าน แต่พี่แป้งและแม่ของเธอกำลังเลือกซีดีมาดูในห้องนอน ได้มา ๕ แผ่น เรารึก็งง ว่าเธอจะดูกันยังไงจนหมด
เราเลือกที่จะไม่ดูดวงอาทิตย์โผล่พ้นน้ำเพราะเห็นดวงอาทิตย์จนเบื่อแล้ว ดังนั้นเวลา ๘ โมง จึงได้เวลาตื่นและออกมาทานอาหารเช้ากัน
แดดแรงครับ ช่วงนี้พระอาทิตย์ขยัน ขึ้นเร็วลงช้า เล่นเอาชายชราค้อนขวับ
อาหารมื้อเช้าของที่นี่ดีได้แรง เมื่อเรามานั่งที่โต๊ะ น้องๆจะนำกระดาษใส่รายการอาหารมาให้เราเลือก ใครจะสั่งอาหารจากแผ่นนี้ก็ได้ หรือจะไปเดินเลือกเอาที่เคาเตอร์ก็ตามสบาย ผมเลือกที่จะเอาแซลมอนรมควันมากระแทกปากเป็นอย่างแรก แล้วหยิบชี้ส ๓ ชนิดมานั่งเล็ม บรี อีดำ และอะไรอีกอย่างที่จำชื่อไม่ได้ และเสียบมอซเซอร์เรล่าสดจากสลัดมาเคี้ยวสดๆ อร่อยลืมนมสดไปเลย จากนั้นอาหารที่เลือกไปก็ทยอยออกมาส่ง ผัดหมี่แบบสมุย ไข่ลวก ๕ นาทีของผม ๗ นาทีของน้องจ้า แป้งกินไข่กะทะ ตามด้วยข้าวต้ม แพนเค้กและวาฟเฟิ่ลพร้อมเครื่องเคียงออกมาตามกัน แป้งค่อยๆกินไปจนหมด ส่วนน้องจ้าอิ่มจนคราง
เสร็จสิ้นมื้อเช้าชนิดล้นถึงคอหอย สามสาวก็เข้าไปพักที่ห้อง นอนดูซีดีที่ยืมมาเมื่อคืน ส่วนผมขอไปลงสระเพื่อเบิร์นเอ้าท์สักครึ่งชั่วโมง ครั้นยามพักเหนื่อยนอนหงายลอยตัวก็เพลิดเพลินไปกับการดูท้องเครื่องบินขึ้นลงผ่านหัวไป เมื่อแดดเริ่มแย่งที่ผมจึงขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัว
มื้อเที่ยงวันนี้ผมมีคนจองเลี้ยงถึง ๔ เจ้าภาพ
ผมนัดกับเจ๊ลุ้ยไว้ตั้งแต่ก่อนลงเรือ ครั้นตอนค่ำเมื่อคืนก็มีคนโทรมาหา "พี่โคน" ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่อยากจะเลี้ยงข้าวผมสักมื้อ แต่เนื่องด้วยตอนนี้ผู้ถูกรับเชิญไม่สามารถรับมื้อเพิ่มได้อีกแล้ว จึงบอกไปว่าขอเป็นมื้อเที่ยงวันนี้ก็แล้วกัน
ผมมุ่งหน้าไปยัง "บ้านท้องกรูด" บ้านเกิดเมืองนอนของ ทวด ยาย และแม่
บรรพบุรุษผมอยู่ที่นี่ บางท่านฝังร่างตนเองลงที่นี่ และผมก็มาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ตั้งแต่เป็นทารกขี้โรคที่แม้พ่อและแม่ก็ไม่สามารถดูแลต่อได้ ในเมื่อผมกินนมแม่ไม่ได้ นอนหายใจซี่โครงบานอยู่ในตัวเมืองสุราษฎร์ ยายเห็นท่าไม่ดีจึงขอรับผมมาเลี้ยงที่ท้องกรูดแทน ป้อนกล้วยน้ำว้าแทนนม ผ่านไปเพียงไม่กี่สัปดาห์ร่างกายก็เริ่มฟื้นตัว พ่อกับแม่มาเยี่ยมถึงกับจำแทบไม่ได้ นั่นคือตอนที่จำความไม่ได้ อาศัยฟังแม่กับยายเล่าให้ฟัง แต่ช่วงชีวิตประถมนั้นยังจำได้ดีทุกเหตุการณ์ ทุกปีที่ปิดเทอม ท้องกรูดก็คือบ้านของผม ทะเลเป็นที่หากินยามเช้า สาหร่ายข้อ หอยแครง หอยตลับ และปูม้า ผมจะออกไปหาเอาจากทะเลและส่งต่อให้ทวดเป็นผู้ปรุงแต่ง กับข้าวของทวดอร่อยเสมอ โดยเฉพาะเมนูยกซด ทุกๆมื้อทวดต้องมีแกงซดน้ำ ที่ผมชอบมากที่สุดก็คือ นำตะลิงปลิงน้ำ ทวดจะเอาตะลิงปลิง (บ้านผมเรียกว่าลูกมุงมัง) มาซอยหยาบๆ ใส่กะปิเล็กน้อย ตำกุ้งแห้งให้แหลกใส่ลงไป หอมแดงซอย พริกสด และน้ำปลา จากนั้นก็ใช้มือขยำจนน้ำจากตะลิงปลิงเริ่มออกจึงเติมน้ำเปล่าลงไปในยำ นำมาซดคล่องคอดีนัก
เล่ามาซะไกลเลยนะครับ
ผมออกจากเฉวงโดยการหันหัวรถมาทางละไม ผ่านหินก้อนใหญ่ที่เมื่อตอนเป็นเด็กกลัวนักหนา กลัวว่ามันจะล้มลงมาทับเรา
ละไมต่างจากเฉวง ผมมาละไมเพียงไม่กี่ครั้ง (ถ้าไม่นับการมายืนอิจฉาหินตาอยู่หลายครั้ง) สมัยก่อนนั้น ละไมขึ้นชื่อเรื่องฝรั่งแก้ผ้าอาบแดด ผมเคยตามตาสำ ลูกชายคนสุดท้องของทวดมาที่ละไม แกมาสร้างบ้าน ส่วนผมมีภารกิจพิเศษ
เด็กชายตัวเล็กๆดำๆมักจะมานั่งหลบร่มมะพร้าว มองทอดสายตาออกไปสู้แดดจากชายหาด ตื่นตาตื่นใจกับการดูนมฝรั่งเป็นครั้งแรกในชีวิต และยิ่งตื่นไปทั้งตัวเมื่อเขาแก้ผ้าเดินไปเดินมา บ้างก็นอนอาบแดด ลงไปว่ายน้ำ ขึ้นมานอนหงายบ้างคว่ำบ้าง ตอนนั้นคงไม่เข้าใจเท่าไหร่นักว่าอารมณ์ทางเพศเป็นเช่นไร ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดใจมันจึงเต้นแรงหายใจถี่ยิบ แก้ปัญหาความอึดอัดใจก็ไม่ถูก ครูไม่เคยสอน
ถึงท้องกรูดราวบ่ายโมงเศษ เจ๊ลุ้ยรออยู่แล้ว
ป้าเกณฑ์ทำยำสาหร่ายข้อเตรียมไว้ให้หม้อใหญ่ (เมนูนี้ทุกคนรู้ดีว่าเป็นจานโปรดของผม) พี่โคนส่งข้าวหลามมาให้ ๒ กระบอกใหญ่ พี่เขียวเป็นแม่ครัว
หอยขมทะเลผัดเผ็ด ปูม้านึ่ง ปูผัดผงกะหรี่ ไข่เจียวสอดไส้ ปลากระพงทอด ๒ ตัวเขื่อง ยำหอยเจาะดอง (หอยนางรมตัวเล็กๆที่ชาวบ้านไปเจาะกระเทาะออกจากหิน) ยำไข่หอยเม่น (อีกครั้ง) กินกันอิ่มจนพุงแตกลาย ตบท้ายด้วยกล้วยบวชชีล้างปาก
จากนั้นก็ออกมาเดินที่ชายหาด
หาดที่นี่เป็นหาดเลน มองไกลออกไปจะเป็นเกาะแตนและเกาะมัดสุม สิ่งที่เป็นความมหัศจรรย์ของหาดตรงนี้คือ ต้นมะพร้าวคอหัก อันนี้ผมตั้งชื่อมันขึ้นมาเองครับ ผมจำได้ว่าเห็นมันนอนเอนคอหักตั้งตรงมาตั้งแต่จำความได้ คาดว่าอายุมันต้องมากกว่า ๔๐ ปีเป็นแน่แท้ แต่เจ๊ลุ้ยบอกว่า ต้นนั้นมันตายไปนานแล้ว ที่เห็นตอนนี้เกิดจากการทำของลุงผู้ใหญ่เหง หลังจากต้นนั้นตาย แกก็ทำให้ต้นนี้ล้มเอนลงขนานกับพื้น สักพักส่วนยอดก็จะค่อยๆยกหัวขึ้น จนเป็นมุมเกือบฉากนอนคู่หาดท้องกรูดสืบต่อมาจนถึงบัดนี้ ตอนนี้มันแก่มากแล้วนะครับ ใครยังไม่เคยดูก็รีบๆไปดูซะ ไม่มีลุงผู้ใหญ่เหงแล้ว ก็คงหาคนทำเช่นนี้อีกไม่ได้
บ่ายแก่ๆหลังจากมื้อเติบ เราก็ไปร้านกาแฟคุณอ้ออีกครั้ง ยังคงพอมีพื้นที่ว่างในท้องสำหรับกาแฟอยู่เสมอ
ช่วงเย็นเราได้ลงน้ำก็เกือบ ๖ โมง อ้อตามมาสบทบด้วย และได้พาครอบครัวเราไปหาของกินมื้อเย็นในย่านเฉวง
"Terminal D" คือร้านท่ีอ้อนำมา
อร่อยใช้ได้เลยทีเดียว ออกจากที่พัก เดินมาทางขวาราว ๒๐๐ เมตร บริเวณนี้มีร้านค้าร้านอาหารอยู่มากมาย ที่เลือกกินร้านนี้เพราะเป็นญาติของเธอเอง เราสั่งหอยเชลล์อบกับกระเทียม กุ้งนึ่งกับวุ้นเส้น ลาบไก่ ผัดผักบุ้ง ส่วนพี่แป้งอยากกินสปาเก็ตตี้ก็จัดไป
กะว่าจะกินพอให้หายอยาก แต่มารู้ตัวอีกทีก็จุกยอดอก
หมดไป ๒ วันบนสมุย ที่ที่ไม่รู้ว่าจะเรียกว่า "มาเที่ยว" หรือ "กลับบ้าน" ใครรู้ช่วยตอบหน่อย
ธนพันธ์ ชูบุญสมุยบันเทิงยังเล่าไม่จบ
๖ พ.ค. ๕๙
ไม่มีความเห็น