เมื่อไปถึงโรงแรม Wing International Kourakuen เช้าวันอาทิตย์ที่ ๓ เมษายน ๒๕๕๙ เวลา ๘ โมงเศษ เรารู้อยู่แล้วว่าเวลาเช็คอินของโรงแรมที่ญี่ปุ่นคือ ๑๕.๐๐ น. ทางทีมอาจารย์บุ๋มได้ขอเช็คอินเร็วพิเศษให้ อ. หมอปิยมิตร กับผม ได้ ๑๑.๐๐ น. ซึ่งก็ต้องรออยู่ดี ผมจึงชวนว่า เราไปเดินเที่ยวให้หมดแรงกันดีกว่า เพื่อคืนนี้จะได้นอนหลับสบาย วันจันทร์ก็จะสดชื่น เข้าประชุมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อาจารย์บุ๋มมาบอกผมว่าอยากไปเที่ยวสวนป่า Meiji Jingu ผมจึงเปิด วีดิทัศน์นี้ ให้ดูทางอินเทอร์เน็ต จึงตกลงกันว่าไปเที่ยว Meiji Jingu กัน เรารู้ว่าภายในสวนมี Meiji Jingu Shrine ซึ่งเป็นศาลเจ้าในศาสนาชินโต และคิดว่าในบริเวณศาลเจ้าน่าจะมีต้นซากุระบานให้ได้ชื่นชม
ไปกันทั้งหมด ๖ คน ไปแวะกินก๋วยเตี๋ยว ราเม็ง ที่ใกล้ๆ โรงแรม แล้วจึงนั่งรถไฟไปสองต่อ คือ Tokyu Line จากสถานี I11 ไปลงที่ I8 แล้วต่อ Chiyoda Line จากสถานี C9 ไปลง C3 (Meiji-jingumae Station) ลงจากสถานีก็เดินข้ามถนนไปเข้าสวนเลย เป็นการเดินบนพื้นถนนโรยหินก้อนเล็กๆ ท่ามกลางฝนพรำๆ หยุดๆ และท้องฟ้าหม่นมัว อากาศเย็นสบายเมื่อสวมเสื้อสามชั้น และสายตากระทบป่าสองข้างทาง ให้ความรู้สึกสงบเย็น และลมหายใจเข้า ได้อากาศบริสุทธิ์ชุ่มชื่นหัวใจ
เราเดินจากซุ้มประตู (แบบชินโต) ประตูแรก สู่ประตูที่สอง ถนนเลี้ยวหักมุม สู่ประตูที่สาม ซึ่งข้างหลังคือประตูใหญ่ เข้าสู่บริเวณภายในของศาลเจ้า แต่ก็ยังมีตัวศาลเจ้าจริงๆ ที่เราได้แต่ไหว้จ้าวอยู่ ข้างนอก เข้าไปข้างในไม่ได้ เขาให้เข้าคิวไปไหว้ทีละคน โดยมีเอกสารแนะนำวิธีไหว้ ให้ไว้พร้อมคำนับสองครั้ง แล้วตบมือสองครั้ง เข้าใจว่าครั้งแรกทำความเคารพจักรพรรดิ์เมจิ ครั้งหลังทำความเคารพจักรพรรดินีโชเคน
จากนั้นเราเดินกลับโดยออกทางประตูข้าง เข้าไปเดินในป่า ซึ่งช่วงนี้ให้ความรู้สึกว่าไปเดินอยู่ในป่าจริงๆ เพราะถนนแคบและต้นไม้สูงมาก ถนนโค้งมาบรรจบกับถนนใหญ่ก่อนถึงประตู ๑ เล็กน้อย เป็นอันว่าได้เดินเที่ยวสวนป่าเมจิจิงกุสมใจ แต่ไปแล้วรู้สึกว่าพื้นที่ไม่กว้างขวางอย่างที่บอกในหนัง ดูจากป้ายเนื้อที่รวม ๒๔๗ เอเคอร์ เท่ากับ ๖๑๗ ไร่ เท่ากับครึ่งหนึ่งของพื้นที่มหาวิทยาลัยมหิดลศาลายา
วิจารณ์ พานิช
๔ เม.ย. ๕๙
ไม่มีความเห็น