จากการสืบค้นข้อมูลต่างๆ ดิฉันคิดว่าปัจจัยภายในที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยมี 3 ปัจจัยหลักๆดังนี้
1. สถานการณ์การเมืองที่ภาคเอกชนต้องการให้นิ่งมากกว่านี้ โดยเท่าที่สอบถามนักธุรกิจเกี่ยวกับข่าวการเมืองในขณะนี้ ภาคเอกชนกังวลกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และต้องการให้นิ่งเหมือน 2 ปี ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่เอื้อให้เกิดการค้าการลงทุนมากขึ้นและส่งผลต่อเนื่อง ถึงการจ้างงาน
2. ราคาน้ำมันในตลาดโลกที่มีแนวโน้มสูงขึ้น โดยปัจจุบันอยู่ที่บาร์เรลละ 103 ดอลลาร์ สูงขึ้นมาจากก่อนหน้านี้ไม่กี่สัปดาห์ที่มีราคาบาร์เรลละ 95 ดอลลาร์ และถ้าราคาน้ำมันทรงตัวระดับปัจจุบันหรือสูงกว่านี้จะส่งผลกระทบต่อต้นทุน การดำเนินธุรกิจ เนื่องจากราคาน้ำมันมีผลต่อราคาก๊าซธรรมชาติและจะส่งผลต่อเนื่องถึงค่าไฟฟ้า ในอนาคต ซึ่งทำให้ผู้ประกอบการต้องหาทางลดค่าใช้จ่าย เช่น ปรับการผลิตไปในช่วงที่มีการใช้ไฟฟ้าน้อย แต่แนวทางนี้เหมาะกับผู้ประกอบการที่ใช้กำลังการผลิตเพียง 50%
3.เศรษฐกิจโลกที่ยังชะลอตัวและส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทย และเป็นปัจจัยที่น่ากังวลมากที่สุดเมื่อเทียบกับปัจจัยอื่นเพราะมีผลกระทบใน วงกว้างโดยเศรษฐกิจจีนและสหภาพยุโรป (อียู) ที่ชะลอตัวลงส่งผลกระทบต่อการส่งออกทันทีเพราะไทยส่งออกไปทั้งสองตลาด มีสัดส่วนรวมกันถึง 21.5% ของการส่งออกไทยทั้งหมด ซึ่งเศรษฐกิจจีนที่เคยขยายตัว 9-10% กลับมาขยายตัว 7% จะทำให้ความต้องการสินค้าจากต่างประเทศลดลงมาก ในขณะที่เศรษฐกิจอียู ยังไม่ฟื้น ก็มีผลต่อกำลังซื้อที่ลดลง
"การส่งออกไทยที่ชะลอ จะมีผลต่อการใช้กำลังการผลิต จากที่เคยใช้ 70% ลดลงมาเหลือ 50% จะส่งผลให้ต้นทุนต่อหน่วยสูงขึ้น"
ดังนั้น จากการวิเคราะห์ปัจจัยที่กระทบต่อเศรษฐกิจไทย สามารถช่วยในนักธุรกิจและคนทั่วไปสามารถเตรียมตัวรับมือกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจได้อย่างถูกวิธีและมีประสิทธิภาพ
ไม่มีความเห็น