เมื่อตอนยังอยู่ในมหานทีแห่งการบริหารมหาวิทยาลัย ผมอยู่ในวังวนของ วัฏฏสงสารแห่งอำนาจกับเขาด้วย เมื่ออยู่ในน้ำก็ต้องเปียก ผมจึงเปียกโคลนที่โดนสาดใส่ ผมปลอบใจตนเองว่า "อันนินทากาเลเมือนเทน้ำ ไม่ชอกช้ำเหมือนเอามีดมากรีดหิน" หรือยกเอาวาทะของ มรว. คึกฤทธิ์ ปราโมช มาปลอบใจ ว่า "ภูเขาทอง ย่อมถูกหมาเยี่ยวรดเป็นธรรมดา แต่ก็ไม่สึกหรออะไร"
แต่จริงๆ แล้ว ตอนนั้นแค่จอมปลวกผมยังไม่ได้เป็นเลย
ทำงานจนแก่ พบว่าคนหลายคนที่มีชื่อเสียง เป็นที่เคารพนับถือ ก็โดนนินทา คือโดนเอาด้านลบที่อาจซ่อนอยู่เอามาบอกกัน ที่ สคส. เราไม่นินทาว่าร้าย แต่มีการเอาประสบการณ์ในการติดต่อกับผู้ใหญ่บางท่านมาบอกกัน ข้อมูลเหล่านี้เป็น tacit knowledge สำหรับใช้ประกอบการทำงานให้ได้ผลสำเร็จ เราต้องเอาเรื่องเหล่านี้มา ลปรร. กัน เพื่อจะได้ไม่ทำงานติดต่อกับผู้คนกับส่วนที่เป็นจุดอ่อนของท่าน แต่จะทำงานกับส่วนที่เป็นจุดแข็งของท่าน ดังนั้นที่ สคส. ไม่น่าจะมีกิจกรรมนินทาผู้อื่น ยกเว้นการนินทากันเองในหมู่พวกเรา และเป็นการนินทาเชิงแซวเล่นมากกว่า
ที่สำคัญคือเราไม่มีการนินทาว่าร้าย ไม่นิยมการนินทาว่าร้าย
ที่จริงตัวผมเองมีส่วนที่เป็นจุดอ่อนให้นินทาได้เยอะ แต่มีอยู่สองอย่างที่ผมถือเป็นอาบัติระดับปาราชิก (สำหรับตนเอง) คือ
(๑) เป็นสมภารกินไก่วัด ที่จริงไม่ว่าไก่วัดหรือไก่อะไรก็ไม่กินทั้งนั้น ดร. ผาสุข กุลละวณิชย์ นายเก่าผมเคยสอนไว้ตั้งแต่อายุสามสิบกว่าๆ ว่าให้ซื้อกินดีกว่า แต่ตอนนี้สบายมากครับ ผมกินเฉพาะน้ำพริกถ้วยเก่า เพราะฟันไม่ดีแล้ว
(๒) ต้องไม่มีความคลุมเครือ หรือข้อสงสัยเรื่องการเงิน
วิจารณ์ พานิช
๒๖ ตค. ๔๙
หนู..มิอาจจะเรียนว่า ชอบบันทึกนี้ของอาจารย์ค่ะเผยอารมณ์ขัน...ออกมาแจ่มแจ๋ว สองเรื่องที่อาจารย์ยกมากล่าวแก่คนรุ่นหลัง ปิด..จุดที่คนจะเอาไปนินทาได้เกือบทั้งหมดของคนค่ะ
ด้วยความเคารพ..
ด้วยความเคารพค่ะ