สังคมผู้สูงอายุการเตรียมความพร้อมสู่สังคมผู้สูงวัย
การลดลงของอัตราการตายและอัตราการเจริญพันธุ์อย่างต่อเนื่องในหลายทศวรรษที่ผ่านมามีผลทำให้ประเทศไทยกำลังจะเข้าสู่สังคมสูงอายุ
โดยประชากรวัยสูงอายุจะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ
23.5
หรือประมาณ 1 ใน 4 ของประชากรทั้งประเทศ
ภายในปี
2573สังคมผู้สูงอายุจะมีผลกระทบสำคัญต่อเศรษฐกิจ มหภาคหลายประการ
เช่น ประชากรวัยแรงงานลดลง การออมลดลง และการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจลดลง
ผลกระทบเฉพาะกับผู้สูงอายุจะส่งผลกระทบในวงกว้างต่อทุกคนผ่านการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ
นอกจากนี้สังคมผู้สูงอายุอาจสร้างภาระที่ทุกคนในประเทศต้องแบกรับร่วมกัน เช่น
ค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลที่อาจเพิ่มขึ้นเนื่องจากต้องดูแลผู้สูงอายุจำนวนมากขึ้นและมีอายุยืนยาวมากขึ้นเรื่อยๆ
อาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของระบบสวัสดิการด้านสุขภาพต่างๆ และผลกระทบที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดของสังคมผู้สูงอายุคือการลดลงของจำนวนประชากรวัยแรงงาน
ซึ่งหากไม่สามารถนำเข้าแรงงานจากต่างประเทศมาทดแทน
หรือไม่สามารถพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตให้พึ่งพาแรงงานน้อยลงได้
ก็อาจทำให้การดำเนินการของภาคธุรกิจสะดุดลง ภาคเอกชนต้องพยายามคิดหาวิธีการปรับตัวเพื่อรับมือกับการขาดแคลนแรงงานที่อาจมีความรุนแรงมากขึ้นในอนาคต
ดังนั้นการเตรียมความพร้อมจึงเป็นเรื่องของทุกวัย
ไม่ว่าจะเป็นวัยสูงอายุ วัยทำงาน วัยเรียน และวัยเด็กซึ่งจะกลายเป็นผู้สูงอายุในอนาคต
แม้ในปัจจุบันจะได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุรายเดือนหรือได้ความคุ้มครองจากระบบประกันสังคม
แต่ความช่วยเหลือดังกล่าวอาจยังไม่สามารถเป็นหลักประกันที่พึ่งพาได้ยามเกษียณ
ภาคครัวเรือนจำเป็นต้องพึ่งตนเองโดยออมให้มากขึ้น และยกระดับรายได้ในช่วงวัยทำงานให้สูงขึ้น
โดยการเพิ่มผลิตภาพการทำงานและแสวงหาทักษะความรู้เพิ่มเติมอยู่เสมอ
ทั้งนี้เพื่อสร้างความมั่นคงทางรายได้เพื่อการดำเนินชีวิตอย่างมีคุณภาพตามสมควรเมื่อก้าวเข้าสู่วัยสูงอายุ
การเตรียมความพร้อมเพื่อการเกษียณอายุของข้าพเจ้าหลักในการเตรียมความพร้อม
คือการเพิ่มรายได้และการออม หลังจากเรียนจบการศึกษาปริญญาตรี ซึ่งเป็นช่วงอายุการสะสมประสบการณ์การทำงาน
การหาอาชีพเสริม เพิ่มรายได้ของตัวเองให้มากที่สุด และการทำให้ร่างกายที่แข็งแรง
ยังต้องมีจิตใจที่มุ่งมัน
และการสร้างสภาพแวดล้อมที่ดี
ส่งเสริมให้มีประสิทธิภาพที่พร้อมกับการทำงานที่เต็มที่ ทำให้มีโอกาสเพิ่มช่องทางในการหารายได้มากกว่าบุคคลอื่น
ไม่มีความเห็น