หากมีปัญหาเกิดขึ้นทุกคนก็ต้องหาทางแก้ปัญหานั้นตามแต่สติปัญญาที่พึงมี ปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นมักจะถูกมองว่ามาจากคนอื่น สาเหตุอื่น เราโทษทุกอย่างแม้แต่ดินฟ้าอากาศที่เป็นธรรมชาติแวดล้อมเรา คงจะมีน้อยคนที่คิดจะโทษว่าตนเองนั้นเป็นสาเหตุของปัญหา และถ้าหากจะถูกกล่าวหาว่าสาเหตุของปัญหาอยู่เรา ก็คงไม่ง่ายนักที่จะทำใจยอมรับได้ ด้วยเหตุนี้ศาลยุติธรรมจึงมีความจำเป็นสำหรับสังคมโลกเพื่อเป็นคนตัดสินว่าใครผิด
การหาตัวคนผิด วิธีการที่ผิด การกระทำที่ผิดหรือความคิดผิดๆนั้นเป็นเรื่องที่ดี เพราะหากรู้ในสิ่งที่ผิดได้ การรู้สิ่งที่ถูกก็จะตามมา ข้อความต่อไปนี้คัดจากพระไตรปิฎกที่มีสำนวนที่เข้าใจง่าย มีเหตุมีผล และชวนให้เกิดการยอมรับว่าบางทีความผิดนั้นเกิดมาจากการกระทำของเราเอง และเมื่อเรายอมรับได้ การพัฒนาตนเองย่อมเกิดขึ้น และการพัฒนาตนเอง การปรับปรุงตนเอง ย่อมนำพาเราไปสู่ความสำเร็จที่ใหญ่ขึ้นและมากขึ้น
“ บุรุษผู้ตกอยู่ในหลุมคูถ เห็นสระมีน้ำเต็มเปี่ยม ไม่ไปหาสระนั้น ข้อนั้นหาเป็นความ ผิดของสระไม่ ฉันใด เมื่อสระคืออมตะสำหรับเป็นเครื่องชำระมลทินคือกิเลสมีอยู่ เขาไม่ไปหาสระนั้น ข้อนั้นหาเป็นความผิดของสระคืออมตะไม่ ฉันนั้น “
“ คนเมื่อถูกศัตรูรุมล้อม เมื่อทางหนีไปมีอยู่ ก็ไม่หนีไป ข้อนั้นหาเป็นความผิดของทางไม่ ฉันใด คนที่ถูกกิเลสกลุ้มรุม เมื่อทางปลอดภัยมีอยู่ ไม่ไปทางนั้น ข้อนั้นหาเป็นความผิดของทางที่ปลอดภัยไม่ “
“ คนที่เจ็บป่วย เมื่อหมอรักษาโรคมีอยู่ ไม่ยอมให้หมอรักษาความเจ็บป่วยนั้น ข้อนั้นหาเป็นความผิดของหมอไม่ ฉันใด คนผู้ได้รับทุกข์ถูกความเจ็บป่วย คือกิเลสเบียดเบียน แล้วไม่ไปหาอาจารย์นั้น ข้อนั้นหาเป็นความผิดของอาจารย์ผู้แนะนำไม่ ฉันนั้นเหมือนกัน “
( สุตฺ ขุทฺ อปทาน พุทธาปาทาน )
ไม่มีความเห็น