“ผมจะเป็นคนดี”ของวิกรม กรมดิษฐ์ หนังสือดีที่ทุกคนควรอ่าน

อ่านหนังสือ "ผมจะเป็นคนดี" ซึ่งเป็นเรื่องราวชีวิตของคุณวิกรม กรมดิษฐ์ ผู้ก่อตั้งและเป็นประธานอมตะคอร์ปอเรชั่นในปัจจุบัน ได้ข้อคิดหลายอย่างที่อยากนำมาแลกเปลี่ยนกับเด็ก เยาวชน โดยเฉพาะพ่อแม่ผู้ปกครองในการอบรมเลี้ยงดูบุตรหลานเพื่อให้เป็นคนเก่ง คนดี เป็นคนที่มีคุณภาพของสังคมและบ้านเมืองต่อไป

...คุณวิกรมเป็นลูกคนโต ในครอบครัวเชื้อสายชาวจีน มีน้องท้องเดียวกันอีก 9 คน ตั้งรกรากอยู่ที่กาญจนบุรี ในชีวิตครอบครัวที่มีปัญหาสารพัด บิดามีเมียหลายคน มีลูกกับเมียคนอื่นๆอีกหลายคน ลูกทุกคนถูกเลี้ยงดูเหมือนกับคนงานทั่วๆไป ถูกเลี้ยงแบบทิ้งๆขว้างๆ ต้องรองรับอารมณ์ที่รุนแรงของพ่อ และถูกลงโทษกันอย่างรุนแรงมาโดยตลอด
คุณวิกรมเป็นลูกคนโตและมีความสำนึกที่จะต้องดูแลแม่และน้องๆทุกคนให้อยู่ดีกินดี เขามีความฝันในวัยเยาว์ โดยตั้งเป้าหมายในชีวิตตั้งแต่เป็นเด็กว่า "จะต้องมีกิจการเป็นของตนเองให้ได้" และมุ่งมั่นฟันฝ่า ต่อสู้ผ่านขวากหนามอุปสรรคต่างๆอย่างไม่ท้อถอย อาศัยต้นทุนที่มีเชื้อสายลูกคนจีนและถูกสั่งสมประสบการด้านการค้าขาย การทำธุรกิจมาตั้งแต่เป็นเด็ก ช่วยเป็นเครื่องมือทำให้เขาสามารถพัฒนาตนเองพัฒนางานไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ได้อย่างนับเนื่องมาโดยลำดับ จนประสบผลสำเร็จ และสามารถดูแลแม่และน้องๆให้มีชีวิตที่ดีขึ้นกันทุกคน
ทุกเรื่องราวของหนังสือเล่มนี้น่าอ่านทั้งหมด แต่มีเรื่องหนึ่งที่ผมอยากนำมาแลกเปลี่ยนมากที่สุดคือ คุณวิกรมได้เป็นเถ้าแก่น้อยตั้งแต่อายุ 5 ขวบ เริ่มจากการรับถั่วคั่วจากป้าไปขายในราคาถุงละ 25 สตางค์ โดยป้าจะให้ค่าขายถุงละ 5 สตางค์ เริ่มต้นป้าให้ลองขาย 5 ถุงก่อน โดยไปขายตามสถานีรถไฟ และตามที่เขาฉายหนังกลางแปลง ก่อนออกไปลงสนามจริง คุณวิกรมจะสังเกตและเรียนรู้วิธีร้องขาย และวิธีขายจากลูกๆของป้า แล้วมาฝึกซ้อมก่อน แต่พอถึงเวลาไปขายจริงๆกลับตื่นเต้นมากๆ ที่เคยซักซ้อมมาก็เกิดความไม่มั่นใจเสียแล้ว แต่ด้วยใจสู้ไม่ท้อถอยก็สามารถขายถั่วถุงแรกได้ เลยเกิดกำลังใจและขยันขายขึ้นอย่างมาก
คุณวิกรมบอกว่าการค้าขายหรือทำธุรกิจใดๆยากที่สุดคือการเริ่มต้นครั้งแรกนี่แหละ พอทำได้ครั้งแรกครั้งต่อๆไปก็สบาย แต่เมื่อเจอปัญหาก็ต้องไม่ท้อถอย และเชื่อว่าไม่มีปัญหาใดที่จะแก้ไม่ได้ ถ้าเราตั้งใจจริง
คุณสมบัติของคุณวิกรมที่เหนือกว่าลูกๆของป้าก็คือ เขาจะเดินขายตลอด และไม่ยอมหยุดดูหนังเหมือนลูกๆของป้า ระหว่างขายก็จะคอยสังเกตลูกค้า จนพบว่าหลายคนจะขี่จักยานมาดูหนังกลางแปลง แล้วจะนั่งบนอานรถจักรยาน เลยเกิดไอเดียว่าที่บ้านเขามีหนังสือพิมพ์เก่าๆหลายฉบับ จึงไปเอาหนังสือพิมพ์มาเสนอขายให้เขารองนั่งดูหนังควบคู่กับขายถั่วคั่วไปด้วย ทำให้เกิดมูลค่าเพิ่มขึ้นมา แล้วเขาก็คิดประยุกต์ต่อยอดเรื่องอื่นๆสั่งสมประสบการณ์เพิ่มขึ้นอีกเรื่อยๆ จนเจริญเติบโตมีกิจการที่ยิ่งใหญ่มาถึงทุกวันนี้ และคำที่เตือนใจเขามาตลอดชีวิตคือคำว่า "ผมจะเป็นคนดี"
จึงอยากให้เด็ก เยาวชน และพ่อแม่ผู้ปกครองทุกคนได้อ่านหนังสือเล่มนี้กันครับ

[ขจิต ฝอยทอง]

ผมอ่านหนังสือเล่มนี้แล้ว

ชอบมากๆครับ