การเรียนรู้ R2R ในปางมะผ้า (ตอนที่ ๓) ; รายละเอียดระหว่างทาง
ก่อนเดินทางหนึ่งวัน ...
ข้าพเจ้าได้รับข้อความเรื่องยกเลิกการบินจากสายการบินกานต์แอร์ที่บินตรงจากสนามบินนานาชาติอุบลราชธานีถึงสนามบินนานาชาติเชียงใหม่ ... จึงได้ประสานงานไปที่ผู้จัดและคุณหมอสุพัฒน์ (ผู้อำนวยการโรงพยาบาลปางมะผ้า) ... ในเชิงหารือว่าจะทำอย่างไรดี
(บินจากอุบล
--> เชียงใหม่ -->
แม่ฮ่องสอน)
การประสานงานที่รวดเร็ว
ชัดเจน และมั่นคงของคุณหมอสุพัฒน์
...ทำให้ได้การเดินทางเกิดขึ้นอีกครั้ง
จากที่แทนที่จะบินตรง แต่...ก็ได้เปลี่ยนสายการบินบินไปต่อเครื่องที่ดอนเมืองแล้วค่อยไปเชียงใหม่ และจากเชียงใหม่ค่อยนั่งรถต่อไปแม่ฮ่องสอน
(บินจากอุบล
--> ดอนเมือง -->
เชียงใหม่ --->
จากเชียงใหม่นั่งรถต่อไป
อ.ปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน)
ช่วงอากาศเย็นอุณหภูมิต่ำสุดประมาณ
๖-๗ องศาเซลเซียส
เป็นช่วงชีวิตที่ได้ทำการเรียนรู้กับตนเองภายใต้การฝึกตนเองในเครื่องแบบของอุบาสิกาศีลแปด
ที่ใช้เครื่องกันหนาวไม่มากชิ้น...
ข้าพเจ้าไปถึงเชียงใหม่
มีหมอกเต็มและฝนตกที่เชียงใหม่ในวันนั้นไปถึง
(๒๖ มกราคม พ.ศ.๒๕๕๙)ที่
๑๑ องศาเซลเซียส รถที่มารับคนขับรถคือ
คุณเงิน สุภาพและเป็นคนที่มีความละเอียดลึกซึ้ง
ระหว่างทางคุณเงินเล่าเรื่องหมอกให้ฟัง
... “ความงามของหมอกแต่ละวัน
...ไม่เหมือนกัน"
พร้อมกับขับรถนิ่มสุภาพ
ผู้โดยสารต่างถิ่นไม่มีความรู้สึกเวียนหัวเกิดขึ้นเลย
ในวัยเด็กหลักจากที่คุณเงินเรียนจบ
ป.๖
ครูใหญ่ที่โรงเรียนพามาบวชในโครงการบรรพชาสามเณรที่จังหวัดเชียงใหม่
ในระหว่างการบวชนั้นเป็นวัดป่าสายปฏิบัติ
พระอาจารย์ได้พาเดินธุดงค์ด้วยเท้าไปจังหวัดนครสวรรค์
(ถ้าจำไม่ผิด)
ในช่วงนั้นน่าจะเป็นความทรงจำที่ดีของคุณเงิน
และอาจนำมาซึ่งพื้นฐานของความใจเย็น
จิตที่นิ่งสงบได้
เพราะการเดินเท้าครั้งนั้น
เป็นการเดินเท้าเปล่า
และพักนอนในป่าระหว่างทางพร้อมพระอาจารย์และพระภิกษุ
เกร็ดเล็กๆ
น้อยๆ
ที่เป็นเรื่องเล่าระหว่างทางทำให้ข้าพเจ้าได้เกิดการเรียนรู้
หลายครั้งที่มาแถวนี้ไม่ว่าจะเป็นอำเภอปาย หรือปางมะผ้า ...ข้าพเจ้ามักได้รับการดูแลเอาใจใส่อย่างดีของการเดินทางทำให้ปัญหาในเรื่องการเมาโค้งไม่เคยเกิดขึ้น ถือเป็นความทรงจำและประสบการณ์ที่ดีมากๆ
คุณเงินเล่าถึงการขับรถพาคนไข้ไป...Refer
ประสบการณ์แต่ละครั้งก็มีความแตกต่างกันไป และในแต่ละครั้งก็ใช้เวลาไม่ต่ำกว่าแปดชั่วโมง เพราะต้องคอยให้ผู้ป่วยได้รับรักษาต่อเป็นที่แน่ชัดก่อนจึงจะเดินทางกลับได้
"ผู้ป่วยบางคนไม่เคยออกจากบ้านเลย"
...
“เราจะปล่อยให้เขาอยู่ลำพังได้อย่างไร ...
"เวลาเขากลับเรายังต้องเอารถไปรับเขา" ...
...
นี่เป็นเพียงส่วนเล็กๆ จากเรื่องเล่าที่ข้าพเจ้ารู้สึกประทับใจ
ก่อนถึงปางมะผ้า
... คุณหมอสุพัฒน์นัดเชิญชวนให้แวะที่
"สบายคลินิก"
ที่อำเภอปายก่อน
เราออกจากเชียงใหม่บ่ายสองเกือบจะบ่ายสามไปถึงที่นั่นประมาณทุ่มกว่า
... ได้เจอสกาว
คุณแม่เปิ้ลและคุณหมอสุพัฒน์
เป็นความรู้สึกถึงมิตรภาพและความเป็นกัลยาณมิตรกว่าสิบปี...
ความสามารถที่ปรากฏของความเป็นกัลยาณมิตรที่รักษาไว้ได้อย่างยาวนาน
คือ ความเชื่อมั่นในความดีงามระหว่างกันนั่นเอง
ข้าพเจ้าเพิ่งนึกขึ้นมาได้
ข้าพเจ้าได้เจอสกาวตั้งแต่อยู่ในครรภ์แม่เปิ้ล
...สมัยที่คุณหมอสุพัฒน์ยังอยู่ที่โรงพยาบาลปาย
ตอนนั้นน้องสบายโตพอวิ่งได้แล้วและกำลังน่ารักมากๆ
ทั้งสองคนได้รับการบ่มเพาะจากความรักและศีลธรรม
ข้าพเจ้าเชื่อว่าทั้งสองจะเติบโตเป็นเมล็ดพันธ์ุที่งดงามของโลกต่อไป
เราใช้เวลาไม่นานมากที่นี่
และออกเดินทางต่อ ...คุณเงินบอกพวกเราว่า "ข้ามเขาเพียงลูกเดียวก็ถึงปางมะผ้าแล้ว" ...แต่ระหว่างทางมืดและเต็มไปด้วยหมอก ถ้าคนขับรถไม่ใช่คนในพื้นที่คงแหวกโค้งลงไปแล้วแน่นอน แต่ท่าทางการขับรถของคุณเงินไม่ได้สัมผัสถึงความตื่นเต้นหรือยุ่งยางลำบากใจในการขับเลย ... เราไปถึงปางมะผ้าเวลาสองทุ่มกว่า เข้าพักที่บ้านแก้วโมราของคุณต่าย ...อบอุ่นเช่นเคย แม่บ้านก่อไฟพิงรอ เข้าที่พักก็ซุกตัวเข้าหาความอุ่นของผ้าห่มทันที
ค่ำคืนอุณภูมิลดต่ำเหลือ ๖ องศาเซลเซียส ข้าพเจ้าตื่นนอนประมาณตีสามตีสี่ดูอุณหภูมิอีกครั้งรอรับรุ่งอรุณที่ ๗ องศาเซลเซียส
...
๒๖ มกราคม พ.ศ.๒๕๕๙
ไม่มีความเห็น