สคส. จับมือ 2
โรงเรียนดัง
จัดการความรู้
ปฏิรูปการศึกษา
สถาบันส่งเสริมการจัดการความรู้เพื่อสังคม (สคส.)
จับสองโรงเรียนดัง แลกเปลี่ยนประสบการณ์การเรียนการสอน
หวังเป็นทางออกของยุคปฏิรูปการศึกษา
ในการประชุมวิชาการครั้งที่ 19
จัดโดยสถาบันส่งเสริมการจัดการความรู้เพื่อสังคม (สคส.)
ในหัวข้อ
“โรงเรียนจัดการความรู้ปฎิรูปการศึกษา”
ซึ่งได้ 2 โรงเรียนต้นแบบ โรงเรียนเพลินพัฒนา
และโรงเรียนจิระศาสตร์วิทยา ซึ่งเป็นโรงเรียนเอกชนที่มีการบูรณา
การการเรียนการสอนอย่างรอบด้าน โดยใช้ความรู้จากภูมิปัญญาท้องถิ่น
ผู้ปกครองและครู ไม่เว้นแม้แต่คนขับรถและคนสวน
ล้วนแต่ทำหน้าที่เป็นครูได้อย่างแท้จริง มาแลกเปลี่ยนประสบการณ์
โดยใช้กระบวนการจัดการความรู้เพื่อปฏิรูปการศึกษา
ดังตัวอย่างของโรงเรียนจิระศาสตร์วิทยาได้มีการบูรณาการให้นักเรียนศึกษาแหล่งเรียนรู้ต่างๆ
ตามแนวทางจัดการเรียนรู้โดยใช้บริบท “อุทยานมรดกโลก”
ซึ่งโรงเรียนอยู่ในพื้นที่ของจังหวัดอยุธยา
มีครูทำหน้าที่ออกแบบการเรียนรู้ควบคู่กับการปฏิบัติ
ทำให้ผู้เรียนสามารถเข้าใจและเข้าถึงเนื้อหาที่เรียนได้เข้าใจลึกซึ้ง
ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ผู้เรียนพัฒนาตนเองจากไม่รู้(No)ไปสู่ความรู้(Know)
ได้
นางจิระพันธุ์ พิมพ์พันธุ์
ผู้อำนวยการโรงเรียนจิระศาสตร์วิทยา กล่าวว่า ในการปฏิรูปการศึกษานั้น
โรงเรียนได้พัฒนาการเรียนรู้อยู่ในกรอบของกระทรวงศึกษาธิการ
แต่ทั้งนี้ร.ร.ก็มีการปรับปรุง
และออกแบบการเรียนการสอนตามบริบทของโรงเรียนมาโดยตลอด
ซึ่งหัวใจสำคัญของการปฏิรูปการศึกษานั้น ผู้บริหารต้องมีส่วนสำคัญ
และควรเปิดใจยอมรับความคิดเห็นของครูตลอดจนนักเรียน
ซึ่งจะมีส่วนช่วยให้การบริหารองค์ความรู้ของโรงเรียนเกิดการวิจัยและพัฒนานำไปสู่การปฏิรูปการศึกษาที่ดียิ่งขึ้นต่อไป
ขณะที่โรงเรียนเพลินพัฒนา ซึ่งเป็นโรงเรียนเปิดใหม่
แต่สามารถออกแบบการเรียนรู้ให้กับผู้เรียนโดยการบูรณา การการเรียนรู้
ที่ใช้ความรู้จากชุมชน
ภูมิปัญญาท้องถิ่นมามีส่วนร่วมในการเรียนรู้ให้ผู้เรียนได้ลงพื้นที่เรียนรู้กับชุมชน
และนำเสนอสิ่งที่ได้เรียนรู้ออกมาในโครงงาน
“ชื่นใจได้เรียนรู้”
ที่จะทำให้ครูผู้สอนสามารถรับรู้ได้ว่าผู้เรียนบรรลุวัตถุประสงค์ในการเรียนอย่างไรบ้าง
ทั้งนี้ได้อาศัยการมีส่วนร่วมของ ครู ผู้ปกครอง
และชุมชนเพื่อให้ผู้เรียนเกิดความรอบรู้ในทุกๆด้านอย่างแท้จริง
อ.ธิดา
พิทักษ์สินสุข ผู้อำนวยการโรงเรียนเพลินพัฒนา
กล่าวว่า
การปฏิรูปการศึกษาที่แท้จริงของโรงเรียนตั้งอยู่บนพื้นฐานการเรียนรู้ด้วยยุทธศาสตร์
“ก้าวพอดี” ให้ผู้เรียนเกิดความสุขในการเรียนรู้ที่พอเหมาะ พอเพียง
กับบริบทของโรงเรียนที่เน้นการเป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้
อาศัยเครือข่ายการมีส่วนร่วมของผู้ปกครองและชุมชน
ขณะที่ครูก็มีส่วนสำคัญในการทำหน้าที่ค้นหาสิ่งดีๆ
ให้ผู้เรียนโดยการบูรณาการ
การสอนอดีตให้เข้ากับการศึกษาแนวปฏิรูปในยุคปัจจุบัน
ที่จะช่วยให้เกิดการปฏิรูปการศึกษาได้ทั้งระบบ
ด้าน ผศ.ดร.เลขา ปิยะอัจฉริยะ นักวิชาการอิสระ
กล่าว่า การที่โรงเรียนสามารถสะท้อนรูปแบบการเรียนรู้ที่เด่นชัด
เป็นผลมาจากการลงมือปฏิบัติของครูที่พยายามสร้างสรรค์การเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง
ซึ่งหัวใจสำคัญของการปฏิรูปการศึกษา คือการพัฒนาคน
และเป็นสิ่งที่ผู้บริหารโรงเรียนจะต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก
ทั้งนี้ยังได้เห็นตัวอย่างการใช้การจัดการความรู้
เป็นเครื่องมือในการสร้างปัญญา ทุกภาคส่วน
และสร้างวัฒนธรรมการคิดแบบเชื่อมโยง
ไม่แยกส่วนโดยเน้นผู้เรียนเป็นตัวตั้งและพัฒนารอบด้าน
ขณะเดียวกันผู้ปกครองก็มีส่วนร่วมในการประมวลความรู้และวัดผลความรู้ตลอดจนแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับครูและนักเรียนได้อีกทางหนึ่งด้วย
อย่างไรก็ตามตัวอย่างทั้ง
2 โรงเรียนได้ใช้การบริหารแบบมีส่วนร่วม
โดยการกระจายอำนาจในกรอบกระทรวงศึกษาฯ
นับว่าเป็นจุดเปลี่ยนและวิถีทางที่เหมาะสม
ที่จะเป็นทางออกของการปฏิรูปการศึกษาได้ในที่สุด.
ไม่มีความเห็น