ได้ฟังข่าว จังหวัดภาคเหนือมีอากาศหนาว นักข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถตั้งงบประมาณจัดหาเครื่องกันหนาวให้กับประชาชน เพราะมีข้อกำหนดว่าจะทำได้ เมื่ออุณหภูมิลดต่ำกว่า 8 องศา ที่ผ่านมาอุณหภูมิในพื้นที่ยังต่ำไม่ถึง 8 องศา
กลายเป็นตัวอย่างจริง สะท้อนประเด็นที่ได้เขียนต่อเนื่องมา 7 ตอน จนเพิ่งสรุปไปเมื่อ 2 วันก่อน
เห็นได้ชัดว่า คงต้องมีการคิด และปฎิรูป การใช้ภาษี และงบประมาณอีกมาก เพื่อให้ลงทุนของภาครัฐ เพื่อดูแล สร้างความสุขและคุณภาพชีวิตให้กับประชาชน เกิดประโยชน์อย่างแท้จริง
ข้อกำหนดโดยส่วนกลาง ที่ลงละเอียดถึงขั้นบอกว่า อุณหภูมิเท่าไรจึงเรียกว่าหนาว เพื่อกำกับให้การใช้งบประมาณเป็นไป อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ฟุ่มเฟือย เป็นตัวอย่างของความหวังดีต่อบ้านเมือง ที่น่าจะสร้างความไร้ประสิทธิภาพ ในการแก้ปัญหาของชาวบ้าน
มีที่มาจากความไม่ไว้วางใจการตัดสินใจของหน่วยบริหารงบประมาณว่าจะใช้งบประมาณอย่างเหมาะสม แต่อาจใช้ ดุลยพินิจ จ่ายงบประมาณ อย่างสุรุ่ยสุร่าย จะด้วยอยากหาเสียงกับชาวบ้าน หรือมีผลประโยชน์แอบแฝง จึงต้องระบุให้ชัดเจน
อุณหภูมิต่ำกว่า 8 องศา จึงจะหนาวพอที่รัฐจะใช้งบประมาณ ไปจัดหาเครื่องกันหนาวให้กับชาวบ้าน เป็นตัวอย่างเล็กๆ ของความหวังดี ที่เกิดจากการขาดความเชื่อมั่นใน ความสามารถในการตัดสินใจของหน่วยย่อย
และการบริหารนโยบายแบบทางเดียว (uni-directional)
เกิดการคิดแทน การรวมศูนย์อำนาจ และการกำหนดนโยบาย ที่ลงลึกถึงรายละเอียดสุดท้าย ด้วยเกรงว่าจะเกิดความเสียหายหากบอกไม่ชัดเจน
ตัวอย่างเล็กๆน่าเอ็นดูนี้ เอาไปใช้เพื่อพัฒนา สองเรื่องสำคัญ ในกระบวนการบริหารรัฐกิจ
หนึ่งคือ วิธีคิดและทัศนคติ ที่ต้องเปลี่ยนจากความไม่ไว้ใจ เป็นความไว้ใจ/เชื่อมั่น ในศักยภาพของหน่วยงานและผู้คนโดยทั่วไป
สองคือความสามารถที่จะกำหนดนโยบาย (กำหนดทิศ เป้าหมายใหญ่ ไม่ใช่ตัวเลขรายละเอียด) และบริหารนโยบาย (ติดตาม กำกับ พัฒนาศักนภาพ)
นอกจากจะไม่ต้องเสียเวลาไปคิดโดยละเอียดจนขัดขวางการพัฒนา ยังช่วยสร้างศักยภาพของหน่วยงานและผู้คนอย่างกว้างขวาง
ตามมาอ่านตามสัญญาครับ
ชอบใจเอาไปสอนเรื่องกระบวนการบริหารของรัฐครับ