บทเรียน คืออะไร
ถอดบทเรียนเป็นคำที่เริ่มคุ้นหูมากขึ้นในปัจจุบัน ทั้งวงการธุรกิจ ภาคประชาสังคม หรือแม้แต่ภาครัฐ ต่างใช้คำนี้กันอย่างฟุ่มเฟือย
เท่าที่ผมเฝ้าสังเกตการถอดบทเรียนตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา พบว่า พวกเรามักจะถอดบทเรียนโดยไม่เข้าใจว่า “บทเรียน” คืออะไร ทำให้สิ่งที่ได้รับจากการถอดบทเรียนเป็นเพียงบันทึก หรือเอกสารที่ไม่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงหรือพัฒนางานใดๆ
ด้วยเหตุนี้ ผมขอเริ่มทำความเข้าใจคำว่า "บทเรียน" ไปพร้อมกับผู้อ่านด้วยนิทานอีสปที่เราคุ้นเคยกันเรื่อง เด็กเลี้ยงแกะ
...ครั้งหนึ่งมีเด็กเลี้ยงแกะอยู่ผู้หนึ่งซึ่งมีนิสัยชอบโกหก ในวันหนึ่งขณะที่เขาปล่อยให้ฝูงแกะกินหญ้าอยู่ที่เนินเขานั้นก็เกิดคิดอะไรสนุกๆ ขึ้นมา จึงแกล้งตะโกนให้ชาวบ้านแถวนั้นได้ยินว่า “ช่วยด้วย ช่วยด้วย หมาป่ามากินลูกแกะ”
ชาวบ้านเมื่อได้ยินต่างก็ตกใจและรีบวิ่งมาพร้อมอาวุธต่างๆ ในมือเพื่อจะช่วยกันขับไล่หมาป่า แต่พอมาถึงกลับไม่พบหมาป่าแม้แต่ตัวเดียว มีแต่เพียงเด็กเลี้ยงแกะที่ยืนหัวเราะชอบใจอยู่ เด็กเลี้ยงแกะเห็นว่าการโกหกเป็นเรื่องสนุกจึงหลอกชาวบ้านอีกครั้งแล้วครั้งเล่าจนชาวบ้านต่างโกรธและเอือมระอาต่อการกระทำของเขา
อยู่มาวันหนึ่งขณะที่เด็กเลี้ยงแกะกำลังเฝ้าฝูงแกะอยู่เช่นทุกครั้ง ก็เกิดมีหมาป่าเข้ามาจับแกะกินจริงๆ เด็กเลี้ยงแกะตกใจจึงตะโกนบอกชาวบ้านเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่คราวนี้ไม่ว่าเขาจะตะโกนอย่างไรก็ไม่มีใครสนใจที่จะออกมาช่วยสักคน จนกระทั่งหมาป่าไล่กินลูกแกะจนหมดฝูงไปในที่สุด
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า : ไม่มีใครเชื่อคนโกหก แม้ว่าต่อมาเขาจะพูดความจริงก็ตาม...
ที่มาwww.muengthai.com
จากนิทานข้างต้น เด็กเลี้ยงแกะได้รับบทเรียนอะไรบ้าง ?
ก่อนจะได้บทเรียน เราต้องเข้าถึงเรื่องราวนั้นๆ อย่างลึกซึ้งเสียก่อน เราต้องสวมวิญญาณตนเองให้เข้าใจความคิดและความรู้สึกของเด็กเลี้ยงแกะที่เศร้าโศกเสียใจ ไม่มีใครเชื่อ ไม่มีใครมาช่วยเหลือเพราะคำโกหกของตัวเองก่อนหน้านี้ แล้วเราก็จะได้บทเรียนว่า “จะไม่โกหกใครอีก เพราะจะไม่มีใครเชื่อถือเรา” บทเรียนนี้จะอยู่กับเรา ฝังใจ และกำหนดการกระทำหรือการตัดสินใจของเราในอนาคต
ด้วยเหตุนี้ บทเรียน หมายถึง สิ่งที่บุคคลตระหนักและยึดปฏิบัติ อันมีที่มาจากการสั่งสมและพิสูจน์แล้วว่ามีผลทั้งด้านดีและไม่ดีต่อการดำเนินชีวิตหรือการทำงาน
ณ จุดนี้ ผมมีคำถาม ๓ ข้อ ชวนให้ผู้อ่านลองตอบคำถามเหล่านี้เพื่อทำความเข้าใจความหมายของ “บทเรียน” มากยิ่งขึ้น
๑. เหตุการณ์ที่ยากลำบากที่สุดในชีวิตของคุณคืออะไร คุณผ่านเหตุการณ์นั้นมาได้อย่างไร
๒. บทเรียนที่คุณได้รับจากเหตุการณ์นั้นคืออะไร
๓. บทเรียนที่คุณได้รับ ส่งผลต่อความคิด ความเชื่อ หรือการกระทำของคุณอย่างไรในปัจจุบัน
เมื่อผู้อ่านได้ทบทวนเหตุการณ์และบทเรียนในชีวิต ก็จะพบว่าบทเรียนที่ผ่านมามีอิทธิพลต่อการดำเนินชีวิตเรามากแค่ไหน ยิ่งเป็นเหตุการณ์ที่ร้ายแรงหรือสำคัญมากเท่าใด บทเรียนนั้นก็จะยิ่งย้ำเตือนตัวเรามากเท่านั้น ยกตัวอย่าง บุคคลที่รอดชีวิตจากอุบัติเหตุได้เพราะสวมหมวกนิรภัย ก็จะเคร่งครัดในการสวมหมวกนิรภัยมากขึ้น ครอบครัวที่เคยเป็นหนี้สินล้นพ้นตัว ก็จะระมัดระวังในการใช้จ่ายมากกว่าครอบครัวปกติ หรือ บางคนประสบความสำเร็จทั้งการเรียนและการทำงาน เพราะคิดเห็นระบบ ฝึกใช้แผนผังความคิด มาตั้งแต่เด็ก เขาจึงพยายามฝึกฝนตนเองมากขึ้น และสอนให้ลูกหลานใช้แผนผังความคิดตั้งแต่เด็กเช่นเดียวกับเขา
จากตัวอย่างข้างต้น ผมได้จำแนกวงจรของบทเรียน ซึ่งเราใช้กันอยู่ตามปกติในชีวิตประจำวัน ดังนี้
บทเรียนไม่ว่าจะเกิดขึ้นในเหตุการณ์เชิงบวกหรือเชิงลบก็ตาม เป็นสิ่งที่มีคุณค่า และสอนให้เรารู้ว่าควรทำหรือไม่ทำสิ่งใด บทเรียนที่ดีมักจะเกิดขึ้นจากการเรียนรู้ด้วยประสบการณ์ตรง ในบทเรียนเดียวกันสำหรับบางคนอาจเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย แต่สำหรับอีกคนอาจเป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะเป็นเรื่องที่ฝังใจ และบทเรียนนั้นอาจหล่อหลอมให้กลายเป็นตัวตนของเขาโดยไม่รู้ตัว
“...Insanity is doing the same thing over and over again and expecting different results...”
Albert Einstein
“…มีแต่คนบ้าเท่านั้น ที่จะทำสิ่งเดิมซ้ำ ๆ แต่กลับหวังผลลัพธ์ที่แตกต่าง…”
อัลเบิร์ต ไอสไตน์
6/1/59
พีธากร ศรีบุตรวงษ์