เกณฑ์ พื้นฐาน 3 ประการ ในการรับสอน แบบโดยตรงรายบุคคล


เกณฑ์ พื้นฐาน 3 ประการ "ใจถึง สมองถึง ตาถึง"

ในการรับสอน แบบโดยตรงรายบุคคล
**************************************
มีคนชอบาถามว่า ผมมีเกณฑ์ในการพิจารณารับสอน รายบุคคล อย่างไรบ้าง

ก่อนอื่นผมจะแจ้งให้ทราบว่า การสอนทั้งหมด ทั้งระดับกลุ่มใหญ่ หรือรายบุคคล เป็นการสอน "ฟรี" ไม่คิดต้นทุนที่ผมลงไปทั้งสิ้น ที่กว่าจะได้องค์ความรู้ และวัสดุหลากหลายมาจนเพียงพอแก่การสอน นั้น มีต้นทุนหลายล้านบาททีเดียว

เพราะถ้าผมคิดค่าสอน โดยพิจารณาต้นทุนอย่างนั้น และถ้าหวังจะเอาทุนคืนนั้น
โดยสมมติว่า ถ้าคิดค่าสอน สัก 10,000 บาทต่อคนต่อวัน
แล้วลองคิดนับรวมทุกคนที่มาเรียนโดยตรงกับผม
จนถึงวันนี้ ก็คงจะยังไม่คุ้มทุนเลยครับ
คงต้องรวบรวมอีกหลายปีทีเดียว

แต่...ด้วยความที่ผมไม่คิดต้นทุน จึงขออนุญาต....หวังผลการแพร่กระจายตัวขององค์ความรู้ที่มี ให้เจริญงอกงามในสังคมไทยเป็นหลัก

ผมจึงขอตั้งเกณฑ์ในการคัดเลือก "ผู้เรียน" หลักๆ เพื่อความสัมฤทธิ์ผลของการทำงานเพื่อสังคม ไว้สัก 3 ข้อด้วยกัน คือ

1. "ใจถึง" เป็นคนที่...นำใจ....มาพร้อมในการเรียน
ตั้งใจ และมุ่งมั่นที่จะเรียนรู้ แบบเอาจริงเอาจัง ไม่ทำเล่นๆ เหยาะๆ แหยะๆ แนะนำอะไร ก็รีบทำตามกรอบงานที่วางไว้ ไม่ย้อท้อ มีความมุ่งมั่นที่จะทำให้ตัวเองรู้ให้มาก ให้เร็ว และทำตัวให้พร้อมเพื่อการเรียน ทั้งวัสดุ อุปกรณ์ต่างๆ หามาเต็มที่ ครบถ้วน พร้อมที่จะเรียนทุกเวลา ในทุกมิติ ในทุกระบบ

2. "สมองถึง" เป็นคนที่.....คิดตาม คิดเร็ว คิดทัน มีสติ สมาธิดี สามารถทำความเข้าใจได้รวดเร็ว ทั้งในเชิงของจริงๆ และตรรกะต่างๆ ที่ต้องเข้าใจในหัวข้อการเรียน ทั้งเชิงมวลสาร พัฒนาการ เนื้อหา พุทธศิลป์ ระบบตลาด และระบบสังคมที่เกี่ยวข้อง

3. "ตาถึง" เป็นคนที่.....มองเห็นจุดสำคัญต่างๆ อย่างรวดเร็ว เก็บข้อมูลได้เร็ว เปรียบเทียบคความหลากหลาย มองเห็นจุดสำคัญต่างๆได้เร็ว และสามารถปรับสายตาให้เข้าใจภาพถ่ายในระดับความละเอียดต่างๆ ที่สามารถนำมาเปรียบเทียบให้เข้าใจของจริงในสเกลต่างๆได้เร็ว

ในเบื้องต้นของการเริ่มเรียนนั้น แต่ละข้อ ขอให้มีความพร้อมสัก 20% ของที่จำเป็นต้องมี ก็น่าจะพอเริ่มเรียนได้

ใครที่เรียนได้เร็วและดีหน่อย แต่ละข้อ น่าจะประมาณ 50% ขึ้นไป ก็จะเรียนได้เร็ว ได้ผล หรือเห็นผลเร็ว

แต่ถ้ามีข้อหนึ่งข้อใดไม่พร้อม บางทีก็อาจจะทดแทน หรือชดเชยกันได้ในข้ออื่น โดยมีค่าคะแนนในการพิจารณา อย่างน้อย 60 คะแนนขึ้นไป (เช่น 20+20+20 เป็นพื้นฐาน)

หรือ 40+10+10 ก็พอจะได้ แต่ไม่ควรมีข้อหนึ่งข้อใดต่ำกว่า 10 หรือ แม้กระทั่ง เป็น 0

ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้น ผมจะขอยกเลิกการสอนแบบรายบุคคลไปเลย เพราะ น่าจะเสียเวลาเปล่าๆ ทั้งสองฝ่าย แต่ท่านเหล่านั้น น่าจะยังเข้าเรียนแบบกลุ่มใหญ่ได้ เพราะเรียนแบบกลุ่มเป็นการลงทุนส่วนตัวของผม ที่ต่ำกว่ามากๆครับ

จึงเรียนมาเพื่อทราบ และยินดีสอนท่านที่พร้อมที่จะมาเรียนตามเจตนา ความถนัด และความพร้อมทุกท่าน

และขออภัยที่ได้ปฏิเสธการสอนรายบุคคล สำหรับท่านที่ไม่พร้อม แม้ท่านจะเดินทางมาเป็น 1000 กม ก็ตาม

ด้วยเหตุผลดังกล่าวแล้ว

ขอขอบคุณที่เข้าใจครับ

หมายเลขบันทึก: 597766เขียนเมื่อ 26 พฤศจิกายน 2015 23:08 น. ()แก้ไขเมื่อ 26 พฤศจิกายน 2015 23:08 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

ทั้ง ๓ ข้อ ผมยังมองเช่นเดิมคือเป็นบัว ๔ เหล่าอยู่ดีครับ

ในการแบ่งชั้นเรียนตามโรงเรียนต่างๆก็ยังแบ่งตามคะแนนสอบที่สอบกันเข้ามา เช่นเป็นห้องคิง (เด็กหัวดี) เป็นห้องควีน (เด็กสมองรองลงมา) จนถึงห้องบ๊วยสุด (เด็กที่ไม่เอาไหน สอนเรียนรู้ยาก)

ถ้าเราเป็นผู้สอน เราก็จะเลือกสอนแต่ห้องคิง เพราะสอนง่าย เข้าใจเร็ว ในขณะที่ ถ้าเราไปสอนเด็กห้องบ๊วย ก็จะอารมณ์เสียกลับมา บ่นลับหลัง โง่เป็น...สอนเท่าไหร่ก็ไม่เข้าสมอง...แถมยังโดนแซวเจ็บๆ กลับมาอีก..

ย้อนกลับมาในวงการพระเครื่อง คนที่สนใจในด้านนี้ มีชนทุกระดับประทับใจ..ถ้าอาจารย์จะสกรีนคนที่จะมาเรียนรู้จริงๆ ก็จะเป็นการดี ไม่เสียเวลาทั้งผู้เรียนและผู้สอนให้ความรู้ครับ อย่างที่ท่านอาจารย์บอกครับ สอนให้ฟรีๆ แต่ท่านต้องพร้อมจริงๆ ทั้ง ๓ ข้อ เพราะอาจารย์ ไม่ได้ขายใบสมัครเข้าเรียน ใบละ ๒-๓๐๐ บาทเหมือนโรงเรียนดังบางโรงเรียน...อิอิอิ...


ครูููููููููููููููููููููููููููููููที่ดีต้องแบบนี้เลยค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท