พ.ร.บ.เอาผิดทางคอมพิวเตอร์

พ.ร.บ.นี้ จะส่งผลกระทบต่อทุกคนอย่างไร

ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ 

ประชาไท – สมาคมผู้ดูแลเว็บไทย ทำร่างคู่ขนาน พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.... หวังให้ข้อมูลแก่สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ประกอบร่างกฎหมายที่จะเข้าสภาวันพุธนี้

 

ตามที่ร่างพ.ร.บ. ว่าด้วยการทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. ได้ผ่านมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 31 ต.ค. 49 และจะเข้าสภานิติบัญญัติแห่งชาติในวันพุธที่ 15 พ.ย.นี้

 

นายปรเมศวร์ มินศิริ นายกสมาคมผู้ดูแลเว็บไทยกล่าวว่า ทางสมาคมฯ ได้จำทำร่างคู่ขนานกฎหมายฉบับนี้ขึ้น โดยเป็นความร่วมมือกันระหว่างสมาคมผู้ดูแลเว็บไทย, อ.ไพบูลย์ อมรภิญโญเกียรติ ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายและที่ปรึกษาสมาคมผู้ดูแลเว็บไทย และ ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวาณิชย์ ผอ. สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ)  

 

นายปรเมศวร์ มินศิริ นายกสมาคมผู้ดูแลเว็บไทย กล่าวว่า ก่อนหน้าร่างกฎหมายฉบับนี้จะเข้าสภา ทางกฤษฎีกาได้เชิญตัวแทนจากสมาคมผู้ดูแลเว็บไทยไปให้ข้อมูลเพิ่มเติมมาแล้ว และมีการติติงในหลายประเด็น แต่ก็พบว่า ร่างกฎหมายที่จะเข้าสภาวันพุธนี้ เป็นร่างกฎหมายที่เข้าสภาด้วยความเร่งรีบ ข้อเสนอที่มีการติติงไว้ก่อนหน้า จึงตกไป  

 

นายกสมาคมผู้ดูแลเว็บไทยกล่าวเพิ่มเติมว่า ภาพรวมของกฎหมายฉบับนี้ ถือว่ามีเจตนาที่ดี แต่ให้เจ้าหน้าที่มีอำนาจมากเกินไป และมีบางประเด็นน่าเป็นห่วง เช่น ในมาตรา 16 ที่ให้เจ้าหน้าที่ ซึ่งเป็นเพียงบุคคลที่แต่งตั้งโดยไอซีที มีอำนาจมาก คือ เพียงเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวตั้งข้อสงสัย ก็สามารถยึดเครื่องเซิร์ฟเวอร์ไปได้เลย

 

นอกจากนี้ ยังพบว่ามีบางมาตรา ที่พบช่องโหว่ทางกฎหมาย เช่น มาตรา 23 ที่ระบุว่า “ข้อมูลคอมพิวเตอร์ ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ หรือข้อมูลของผู้ใช้บริการที่ได้มา เนื่องจากการกระทำความผิดตามมาตรา ๒๐ มาตรา ๒๑ หรือมาตรา ๒๒ จะรับฟังเป็นพยานหลักฐานในการดำเนินการใดๆ อันเป็นโทษแก่เจ้าของหรือผู้ครอบครองข้อมูลดังกล่าวไม่ได้” ซึ่งเปิดช่องโหว่ให้ผู้ที่กระทำความผิดลอยนวลได้

 

นายปรเมศวร์กล่าวว่า ดังนั้น ในวันพุธนี้ สมาชิกจากสมาคมผู้ดูแลเว็บไทย และเว็บมาสเตอร์จากเว็บไซต์ต่างๆ อาทิ พันทิพย์ดอทคอม จะนำร่างคู่ขนานนี้ ไปยื่นแก่สนช. ทั้ง 242 ท่านด้วย

 

 ไฟล์ประกอบ ฉบับคู่ขนาน ร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. .....

 

ที่มา : ประชาไท