บ้านโนนสูงแม้ห่างจากอำเภอเพียง 6 กิโลเมตร วิถีชีวิตของชาวบ้านก็ไม่แตกต่างจากบ้านคำบากมากนัก กลางคืนสาวๆ ยังตำข้าว หนุ่มๆ แวะเวียนมาหาสาวคนรัก จะแตกต่างก็ตรงที่สาวบ้านโนนสูงหลังจากตำข้าวแล้ว จะขึ้นบ้านจุดตะเกียงน้ำมันก๊าดสานเสื่อจากใบเตย จนเกือบพ้นยามสองหรือใกล้เที่ยงคืนจึงเข้านอน
ผมยังคงเป็นครูหนุ่มที่ไม่ติดใจสาวชาวบ้านคนใด แต่ละคืนผมเพียงเดินขึ้นบ้านโน้นลงบ้านนี้ พอสามทุ่มก็กลับบ้านผู้ใหญ่บ้านโนนสูงซึ่งขอท่านอาศัยเป็นที่พัก
เดือนหกปี พ.ศ. 2513 ผมได้รับหนังสือเชิญงานแต่งงานของครูสมหมายกับสาวหลินซึ่งเป็นน้องของเหรียญ งานแต่งจัดง่ายๆ ที่บ้านเจ้าสาวกลางคืนมีงานเลี้ยงเฉพาะญาติและแขกจากทางไกล เช้าวันรุ่งขึ้นจัดบายสีสู่ขวัญ พอเก้าโมงงานก็เสร็จเรียบร้อย
เก้าโมงเศษวันนั้น ผมเริ่มเดินออกจากบ้านคำบากคนเดียว สะพายเป้ซึ่งมีเสื้อผ้าเพียงชุดเดียวและห่อข้าวที่แม่เหรียญบังคับให้ใส่เป้มาด้วย
ผมหันหลังให้บ้านคำบากมุ่งขึ้นเหนือ แม้ว่าจะสายมากแล้ว แต่อากาศเย็นสบายด้วยต้นไม้ใหญ่ใบหนาริมทางเดิน ที่ให้ร่มเงาป้องกันแดดได้เป็นอย่างดี
สิ่งที่ผมทำเสมอในยามที่เดิน คือ ผมจะจินตนาการหรือแต่งเรื่องให้ตัวเองเป็นพระเอกเป็นผู้วิเศษที่เก่งกล้าไม่มีผู้ใดทัดเทียม เพื่อให้ลืมเวลาลืมความเมื่อยล้า แต่คราวนี้เรื่องที่ผ่านเข้ามาในห้วงคิดของผมกลับเป็นเรื่องราวของชีวิต 10 เดือน ที่บ้านคำบาก
ผมจบ ป.กศ. ด้วยการเรียนที่คนอื่นเขาเรียน 2 ปี แต่ผมเรียน 2 ปี 2 เทอม ปีแรกเกรดเฉลี่ย 1.66 พอปีที่สอง ดีขึ้นหน่อยได้เกรดเฉลี่ย 1.82 เกือบโดนรีไทร์ และไม่พอที่จะจบหลักสูตร (ต้องได้ 2.00 ขึ้นไป) ผมจะต้องเรียนเพิ่ม พ้นเทอมแรกเกรดเฉลี่ยก็ยังไม่พอ จนเทอมที่ 2 เกรดเฉลี่ยจึงได้ 2.12 มากพอที่จะจบหลักสูตร (ก่อนนี้ปีการศึกษาละ 3 เทอม)
เมื่อสอบบรรจุผมทำข้อสอบได้ดีพอสมควร มีสิทธิเลือกโรงเรียนที่ไม่ไกลจากบ้านมากนัก แต่ผมอยากได้เบี้ยกันดารจึงเลือกโรงเรียนในอำเภอบุณฑริก ซึ่งได้เบี้ยกันดารทั้งอำเภอ ผมเลือกได้โรงเรียนที่ห่างจากตัวเมืองเพียง 5 กิโลเมตร เท่านั้น
จะด้วยอะไรก็ตามเถิด พอวันรับหนังสือเดินทางไปรายงานตัวเพื่อปฏิบัติหน้าที่ มีครูสตรีท่านหนึ่งอายุมากกว่าผมราว 5 ปี ขอแลกโรงเรียนโดยเสนอเงินตอบแทนให้ผมพอสมควร ผมตกลงแลกโรงเรียนแต่ไม่ขอรับสิ่งตอบแทนใดๆ
สองเท้าผมก้าวเดินอย่างสม่ำเสมอ ตามองไปข้างหน้า สองมือกระชับเป้บนหลังให้เข้าที่ ในสมองฉายภาพครูคนเดียว สอนเด็กที่ซุกซนและขมุกขมอม การนอนป่าล่าสัตว์ในวันหยุด การตามรอยหมูป่า ภาพหมูป่าที่วิ่งอย่างเต็มฝีเท้าแล้วทรุดฮวบลงแทบเท้าของผมด้วยปืนแก๊ปในมือผม หมีควายตัวใหญ่เสียงคำรามสนั่นป่า อยู่ห่างผมเพียงไม่ถึง 5 วา ที่ผงะด้วยฤทธิ์ของปืนลูกโดดของผม สาวบ้านป่าแสนซื่อ และภาพอื่นๆ ที่ผุดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ขณะนั้น ผมยังหวังว่าจะได้กลับไปบ้านโคกอีกสักครั้ง ไปนอนบนแก่งหินกลางลำธารในป่าลึก รอเดือนเสี้ยวลับทิวไม้เพื่อสวมโคมไฟส่องสัตว์บนหน้าผาก สองมือกระชับปืนแก๊ปคู่กาย แต่ความเป็นจริงผมไม่ได้ไปบ้านโคกอีกเลย แม้เพียงไปเยี่ยมเยียน
ก่อนจบผมขอสารภาพ ผมรับปากกับท่านผู้ช่วยศึกษาธิการอำเภอบุณฑริก ว่า ผมจะไม่ถือปืนเข้าป่าอีก แต่ผมผิดสัญญา ผมเข้าป่าชายแดนลาวห่างจากบ้านโนนสูงราว 10 กิโลเมตร ซึ่งห่างหลักเขตชายแดนเพียงไม่กี่ก้าว วันนั้นพวกเรามีทั้งปืนแก๊ป ลูกซอง และ ปลยบ. 88 กระหน่ำยิงฝูงลิง หมดไปคนละหลายนัด แต่ไม่โดนลิงแม้แต่ตัวเดียว
วันรุ่งขึ้นมีข่าวว่า เกิดการปะทะที่ชายแดน ตำรวจชุดคุ้มครองหมู่บ้านซึ่งลาดตระเวณอยู่แถวนั้นต้องขอกำลังเสริมและรีบกลับฐาน
พวกเราที่ไปวันนั้นไม่มีใครปริปากสักคน
ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่าน และขอบพระคุณอย่างสูงสำหรับท่านที่อ่านจบทั้ง 50 ตอน
ไม่มีความเห็น