เกินไปหรือเปล่า


อ่านบทความนี้กันหรือยังคะ

The private school in Silicon Valley where tech honchos send their kids so they DON'T use computers

www.dailymail.co.uk

เพิ่งคลิกที่ ชื่อเรื่อเพื่อจะอ่านรายละเอียด ปรากฏว่าได้รับข้อความเต็มจอสีเขียวอ่อนว่า เว็บไซท์นี้มีเนื้อหาและข้อมูลไม่เหมาะสม ถูกระงับโดย...

เมื่อมาคลิกที่ www. ก็ได้รับข้อความเช่นเดียวกัน

ไม่เข้าใจเขากำลังทดลองอะไรกันอยู่...แค่นี้ก็หวั่นไหว



หมายเลขบันทึก: 596512เขียนเมื่อ 20 ตุลาคม 2015 08:56 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 ตุลาคม 2015 09:05 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

ฮะ ฮ้า มีคนได้อ่านบทความนี้และแปลเอาไว้ทำให้เราได้อ่านไปด้วย แม้จะอยากอ่านต้นฉบับเพื่อเรียนรู้ภาษาอังกฤษ ก็ยังดีที่ได้รู้เรื่อง

แค่นี้เอง กระทรวง...ระงับไม่ให้เราเข้าถึงได้ ไม่เห็นจะคุกคามความมั่นคงตรงไหน หรือกลัวพวก Hi-tech ไทยจะเอาอย่าง....ไม่ให้ลูกหลานใช้คอมพิวเตอร์ ....ขำจัง

...........

พวก Hi-tech สุดๆระดับโลกไม่อยากให้ลูกหลานเรียนใน. รร Hi-tech

เวลาเด็กโรงเรียนวอลดอร์ฟพูดถึงแอปเปิล มักจะหมายถึงผลไม้ และเด็ก ๆ มักจะขีดเขียนกันมากกว่า Surf net

ถึงแม้ผู้บริหารระดับสูงของ Google, Apple, Yahoo และ Hewlett-Packard บางคนจะส่งลูกเข้า the Waldorf School of the Peninsula ในห้องเรียนก็ไม่มีคอมพิวเตอร์ และครูไม่อยากให้นักเรียนใช้คอมพิวเตอร์ที่บ้านด้วย

โรงเรียนนี้อยู่กลางย่านไฮเทคแห่ง Silicon Valley เด็กชั้นประถมต้นเรียนด้วยกระดาษ ดินสอ วาดรูป ถักนิตติ้ง เป็นหนึ่งในโรงเรียนวอลดอร์ฟ 160 แห่งในอเมริกา ส่งเสริมให้เด็ก ๆ ใช้กิจกรรมทางกายและการสร้างสรรค์ในโลกที่เป็นจริง ไม่ใช่โลกเสมือนจริง

ขณะที่ผู้อำนวยการโรงเรียนส่วนใหญ่พยายามหาเงินมาซื้อคอมพิวเตอร์มาก ๆ โรงเรียนวอลดอร์ฟพยายามกำจัดคอมพิวเตอร์ออกไป เพราะเห็นว่าคอมพิวเตอร์ลดทอนช่วงความสนใจและปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์ของเด็กมากกว่าจะช่วยขยายความคิดของเด็กให้กว้างไกล New York Times ระบุว่าการที่ผู้เชี่ยวชาญด้าน IT บางส่วนนิยมให้ลูกได้รับการศึกษาแบบพื้นฐาน กระตุ้นให้เกิดการโต้แย้งกันขึ้นถึงบทบาทของคอมพิวเตอร์ในห้องเรียน

“ผมไม่เชื่อเด็ดขาดว่าต้องมีอุปกรณ์ทางเทคโนโลยี่ในโรงเรียนประถม” Alan Eagle ผู้บริหาร Google กล่าวกับ New York Times ลูกของเขาเรียนโรงเรียนวอลดอร์ฟซึ่งมีนักเรียน 3 ใน 4 ที่พ่อแม่อยู่ในอุตสาหกรรมไฮเทค ห้องเรียนมีกระดานดำและชั้นหนังสือ แทนที่จะเป็น router และ wifi ชั้นม. 2 ขึ้นไปจึงเริ่มมีการใช้ gadget อย่างจำกัด

“ความคิดที่ว่า app ใน iPad จะสอนลูกผมให้อ่านหนังสือหรือคิดเลขได้ดีขึ้นน่ะ เป็นเรื่องตลก” Eagle กล่าว ถึงแม้เขาจะใช้ iPad และสมาร์ทโฟน แต่ลูกสาวที่อยู่ป. 5 ไม่รู้วิธีใช้ Google ลูกชายที่อยู่ม. 2 เพิ่งเริ่มหัด เขายืนยันว่าทัศนะของเขาไม่ได้ขัดกันเองเลย “ถ้าผมทำงานที่ Miramax และทำหนังศิลป์ดี ๆ เรท R ผมก็ไม่อยากให้ลูกดูก่อนอายุ 17 หรอก”

นักเรียนป. 5 หัดถักถุงเท้าเพื่อเสริมทักษะคณิตศาสตร์และการแก้ปัญหา นักเรียนป. 2 โยนถุงถั่วพร้อมกับท่องกลอนตามครู ไม่ได้โยง mail box เข้ากับ Facebook แต่โยงสมองเข้ากับร่างกาย ครูหั่นแอปเปิลตัดเค้กเพื่อช่วยให้นักเรียนเข้าใจเศษส่วนที่สามารถใช้เครื่องคิดเลขคำนวณได้ในไม่กี่วินาที แถมยังวุ่นวายน้อยกว่าด้วย

Eagle ยืนยันว่าไม่มีความจำเป็นที่ลูก ๆ ของเขาจะต้องเร่งรีบฝึกความชำนาญบนคีย์บอร์ดเลย “มันง่ายจะตายไป เหมือนหัดใช้ยาสีฟันนั่นแหละ Google และที่อื่น ๆ พยายามทำให้เทคโนโลยี่เป็นของง่าย ๆ ที่ใช้ได้โดยไม่ต้องมีสมอไม่มีเหตุผลเลยว่าทำไมเด็กจะใช้ไม่เป็นเมื่อโตขึ้น”

การไม่ใช้คอมพิวเตอร์ยังมีข้อดีอื่น ๆ ด้วย

Finn Heilig วัย 10 ขวบบอกว่าเขาชอบเขียนด้วยกระดาษปากกา เพราะมองเห็นว่าลายมือดีขึ้นอย่างไรบ้างเมื่อเวลาผ่านไป แต่ถ้าใช้คอมพิวเตอร์ ตัวอักษรก็เหมือน ๆ กันหมด ถ้าน้ำหกรดหรือไฟดับก็ใช้ไม่ได้อีกด้วย

จาก The private school in Silicon Valley where tech honchos send their kids so they DON'T use computers

www.dailymail.co.uk

ขอบคุณนะคะที่เอามาให้อ่าน

ดิฉันชอบโรงเรียนแบบนี้ค่ะ

ชอบจริงๆ นะคะ

น่าสนใจมากครับ

แต่งง งงว่าทำไมโดนระงับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท