แดจังกึม มาเกี่ยวข้องอะไรกับการจัดการความรู้ ( Knowledge Management)
ประเทศเกาหลีสมัยนั้น…… เป็นลูกไล่ของประเทศจีนราชวงศ์ต้าหมิง
มีการติดต่อค้าขาย แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกันตลอดมา
สังคมจีน หรือ สังคม เกาหลี สมัยนั้น …. ผู้ชายเป็นใหญ่
มีการแยกประเภทงานออกอย่างชัดเจน
เช่น ผู้หญิงอยู่ห้องเครื่อง ดูแลฝ่ายใน
ส่วนอาชีพแพทย์ ซึ่งต้องอาศัยความรู้ในระดับที่สูงกว่า……..เป็นผู้ชาย
ตรรกะนี้ได้รับการตรวจสอบจาก…..แดจังกึม
เขียนมาถึงตรงนี้….. ผมนึกถึงผู้หญิงคนหนึ่ง
เธอชื่อ มาเรีย มองเตสเซอรี แพทย์หญิงคนแรก ๆ ของยุโรป
เชื่อหรือไม่ครับว่า ในยุโรปเพิ่งมามีหมอผู้หญิงเมื่อ ประมาณปี 1890
สิ่งที่เธอกล่าวไว้น่าจดจำ…..
“ฉันไม่ใช่สตรีที่ทำงานเป็นแพทย์ แต่ฉันเป็นแพทย์ผู้บังเอิญเป็นสตรีต่างหาก”
แดจังกึม… เธอได้เปลี่ยนสมการประเทศเกาหลีใหม่ ว่า
หมอ = (ผู้ชาย) + (ความรู้) เป็น หมอ = (ผู้หญิงหรือ ผู้ชาย) + ความรู้
สมการใหม่นี้ คือ สังคมแห่งการเรียนรู้ (Knowledge base society) ใช่หรือไม่ครับ
ความรู้ ไม่มี… หญิง ไม่มี…. ชาย ไม่มี…..สายวิชาการ ไม่มี…..สายปฏิบัติการ
แดจังกึม…ได้ใช้ความรู้จากการเรียนรู้ จาก มารดา ซึ่งเคยเป็นนางกำนัลในห้องเครื่อง
และการเรียนรู้จากการทดลอง จาก ซางกุง ผู้สอน และตำราเรียน
ความรู้นอกจากนั้น…เธอได้มาจาก การศึกษาค้นคว้าต่อเนื่องตลอดชีวิต…
ซึ่งเป็นคุณสมบัติสำคัญของผู้ที่มีอาชีพเก่าแก่อย่างอาชีพ…หมอ
เป็นความรู้จาก Explicit Knowledge และ Tacit Knowledge
แดจังกึม… เป็นผู้ที่บูรณาการ (Integrated) ศาสตร์ สอง เรื่องเข้าด้วยกัน
คือ ทำให้ “อาหาร เป็นยา”
อย่างนี้ ไม่ให้ฉายา เจ้าแม่ KM เกาหลี ตัวจริง
ก็น่าจะใจอีกา…. กินไปล่ะครับ
นอกจากนั้น แดจังกึม ยังได้สร้างคุณูปการสำคัญให้กับสุภาษิตไทยด้วย….อย่างไรครับ
จากสุภาษิตที่คุ้นเคยว่า “หวานเป็นลม ขมเป็นยา”
เปลี่ยนเป็น “หวาน เปรี้ยว เผ็ด มัน หรือ ขม ก็เป็นยาได้”
บันทึก | บันทึกเมื่อ ส. 18 มี.ค. 17:19:07 2006 | อ่านแล้วประมาณ 18 ครั้ง
ข้อคิดเห็น
พีระพันธ์ เพชรสุวรรณ เมื่อ อา. 26 มี.ค. 11:35:07 2006 เขียนว่า:
ความน่ารัก ความเห็นอก เห็นใจ ก่อให้เกิดความน่าเชื่อถือและศรัทธา ทำให้เราทำงานประสบผลสำเร็จและเกิดประสิทธิผล
จาก bloggang.com
ไม่มีความเห็น