ในระยะนี้ถ้าสังเกตให้ดีหรือติดตามข่าวสารจากกรมอุตุนิยมวิทยาก็จะทราบสถานการณ์ลมฟ้าอากาศว่าจะยังมีลมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดพาเอาไอน้ำความชุ่มชื้นจากท้องทะเลฝั่งอันดามัน ผันขึ้นมาเป็นน้ำฝนฉ่ำโปรยปรายไปทั่ว ถึงจะมีความถี่ที่ห่างแตกต่างจากฤดูฝนในช่วงปรกติ แต่ก็เป็นน้ำฝนที่สามารถจะทำนำอันตรายให้แก่ต้นพืชได้ในคราวเดียวไปพร้อมๆกับการให้ความชะอุ่มชุ่มชื้นแก่ผืนดิน
เนื่องด้วยว่าฝนแรกจากความความร้อนแล้ง ฝนหลงฤดูที่ตกแบบไม่พึ่งพิงอิงกฎเกณฑ์ธรรมชาตินั้น สามารถที่จะชะล้างนำพาเอาละอองของเชื้อโรคในอากาศที่เราเรียกกันว่าสปอร์ จากเดิมที่ปลิวละลิ่วล่องลอยด้วยอาศัยน้ำหนักที่เบาจากสัดส่วนที่เล็กเพียง 2-4 ไมครอนเมื่อความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศที่เกิดจากน้ำฝนมีมากเข้าจนซึมซาบเข้าไปในสปอร์ ทำให้สปอร์หน่วงหนักตกหล่นลงมาสู่ผิวใบพืชและโคนต้น ถ้าปล่อยให้ดำเนินต่อไปตามธรรมชาติแบบนั้น สปอร์ของเชื้อโรคก็จะเจริญเติบโตงอกงามและเข้าทำลายพืชในจุดต่างๆ ตามสภาพที่เขาได้ไปตกหรือสัมผัสอยู่
การเตรียมการดูแลแก้ไขปัญหาด้วยการหมักเชื้อจุลินทรีย์ไตรโคเดอร์ม่าในอัตรา 1 กิโลกรัม กับ รำละเอียด 10 กิโลกรัม คลุกเคล้าให้เข้ากันครั้งที่หนึ่ง แล้วค่อยนำไปผสมกับปุ๋ยหมักปุ๋ยคอกอีก 40 กิโลกรัม คลุกเคล้าให้เข้ากันครั้งที่สอง พรมด้วยน้ำสะอาดพอชุ่ม ๆ หมักทิ้งไว้ใต้ร่มไม้หรือใช้แผ่นแสลนด์คลุมไว้สัก 3 – 4 วัน แล้วนำมาใส่สุมรุมไว้ใต้โคนต้น ก็จะช่วยทำให้สปอร์ที่ตกหล่นลงมาไม่สามารถที่จะเจริญเติบโตและทำอันตรายรากพืชได้ จะถูกเชื้อไตรโคเดอร์ม่าคอยปกป้อง ทำลาย แย่งอาหาร แย่งที่อยู่อาศัย และเข้าทำลายเชื้อโรคฉวยโอกาสเหล่านี้
ในกรณีที่ที่สปอร์ของเชื้อโรคตกค้างอยู่บนใบ นั้นให้ใช้วิธีการล้างใบทำลายสปอร์จากสารสกัดเปลืองมังคุด โดยนำเปลือกมังคุดผึ่งลมตากแห้ง 200 กรัม หมักกับเหล้าขาวหรือ แอลกอฮอล์ล้างแผล 70 %500 ซี.ซี.หมักทิ้งไว้ 7 แล้วนำมาใช้ครั้ง 2 ซี.ซี. หรือจะเสริมร่วมไปกับ ฟังกัสเคลียร์ (ซิลิสิค ทองแดง แมงกานีส จุลสี ทำหน้าที่ทำลายสปอร์ให้แตกหัก) อีก 2 กรัมพร้อมกับน้ำ 20 ลิตรฉีดพ่นไปในคราวเดียว ถ้าพบในระยะที่เชื้อโรคเริ่มระบาดแล้ว อันนี้จะมัวแต่ล้างใบทำลายสปอร์อยู่ไม่ได้ ต้องรีบใช้จุลินทรีย์บีเอสพลายแก้ว และไตรโคเดอร์ม่ารีบนำมาฉีดพ่นเพื่อรักษาให้หายทันต่อสถานการณ์
มนตรีบุญจรัส
ชมรมเกษตรปลอดสารพิษwww.thaigreenagro.com
ไม่มีความเห็น