สถานการณ์ทางด้านการเกษตรในห้วงช่วงนี้ก็มีเข้ามาหลากหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นทางด้านโอกาสและอุปสรรค ทำให้พี่น้องเกษตรกรจะต้องจับตาเฝ้าระวังและพยายามค้นคว้าหาแนวทางในการที่จะหาทางหนีทีไล่เอาไว้ให้ดีๆ โดยเฉพาะในเรื่องของการลดต้นทุน เพิ่มผลผลิตให้แก่พืชที่ตนเองได้ลงมือเพาะปลูกและที่สำคัญ ควรจะต้องปลอดภัยไร้สารพิษด้วยก็จะยิ่งดีตรงตามความต้องการของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน
การกีดกันทางการค้าในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการอ้างแรงงานเถื่อน แรงงานทาส แรงงานเด็ก ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือจาก เทียร์ 2 (Watch List) มาสู่เทียร์ 3 ซึ่งเป็นระยะต่ำสุดที่ทางอเมริกาให้ไว้กับเรา ทำให้ภาพพจน์ของผู้บริโภคอาหารจากภาคการเกษตรของพี่น้องไทยเราไม่ค่อยสดใสสวยงามมากนัก เพราะคนก็จะแขยงแขงขนทำท่าน่ารังเกียจถึงที่มาที่ไปว่าเป็นสินค้าที่มีการใช้แรงงานที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายประมาณนั้น โดยเฉพาะสินค้ากุ้ง (ต้มยำกุ้ง) ที่ผู้คนชนทั่วโลกรู้จักกันดี
ทางยุโรปก็มีการตัดสิทธิพิเศษทางศุลกากรหรือจีเอสพี ทำให้เมื่อนำสินค้าจากประเทศไทยเราส่งออกไปยังกลุ่มยุโรปก็จะทำให้มีต้นทางภาษีเพิ่มมากขึ้นกว่าประเทศคู่แข่งที่ได้รับโอกาสทางภาษี จึงทำให้เราไม่สามารถที่จะมีความสามารถในการแข่งขันกับเขาเหล่านั้น จำเป็นที่จะต้องมองหาลู่ทางหรือตลาดใหม่มารองรับ ซึ่งก็ค่อนข้างยากอยู่พอสมควรไม่ว่าจากทางตะวันออกกลาง แอฟริกาใต้ จีน อินเดีย ซึ่งก็คงจะต้องพยายามกันต่อไป
แต่จะอย่างไรก็ตามครับ ข่าวดีก็พอ มีอยู่บ้างอย่างเช่นรัสเซียนั้นหลังจากที่ทะเลาะเบาะแว้งกับอเมริกาและยุโรปก็มีการยกเลิกการนำเข้าสินค้าภาคการเกษตรหลายรายการ และหันมาให้ความสนใจในโซนเอเชียอย่างเรา ซึ่งมีการมาสำรวจตรวจตราทั้งโรงงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกันอยู่หลายรอบแล้ว และล่าสุดก็ได้เชิญเจ้าหน้าที่ไทยไปปรึกษาหารือกันอีก ซึ่งก็แน่นอนแล้วว่าทั้ง กุ้ง ไก่ ปลา ข้าว และผลิตผลภาคการเกษตรอื่นๆ นั้นน่าจะต้องนำเข้าจากไทยอย่างแน่นอน และยังมีอีกประเทศหนึ่งนั่นก็คือเวียดนามครับ เป็นเพื่อนชาวอาเซียนของเรานี่แหละครับ ที่ตอนนี้ทำท่างอนๆกับจีนในเรื่องของเกาะแก่งและทรัพยากรธรรมชาติบรอบๆเกาะ จึงทำให้จีนยกเลิกการนำเข้าผักและผลไม้จากจีนและหันมาสั่งไทยแทน....(แฮะๆ) นี่คือโอกาสดีๆที่มาเยี่ยมเยือนประเทศไทยเราครับ
ดังนั้นสิ่งที่พี่น้องเกษตรกรควรจะต้องช่วยเหลือตัวเองด้วยนั่นก็คือการพัฒนาคุณภาพของสินค้าภาคการเกษตรของเราให้มีศักยภาพทัดเทียมและสมศักดิ์ศรีต่อการเป็นผู้นำด้านผลิตผลภาคการเกษตรหลากหลายชนิด ต้นทุนและการดูแลรักษาจะต้องต่ำเพื่อจะได้มีราคาไปถึงมือผู้บริโภคที่ไม่สูงจนเกินไปและที่สำคัญควรจะต้องปลอดภัยไร้สารพิษด้วยนะครับ
ก่อนอื่นควรจะต้องค่อยๆ ลด ละ เลี่ยง เลิก การใช้สารพิษในการเกษตร แล้วหันมาใช้พืชสมุนไพรและจุลินทรีย์ชีวภาพเข้ามาช่วยเหลือบริหารจัดการฟาร์มของตนเองทดแทนการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชที่เป็นอันตราย ไม่ว่าจะเป็นการใช้เชื้อบีทีชีวภาพปราบหนอนการใช้บีเอสพลายแก้วและไตรโคเดอร์ม่า ในการแก้ปัญหาโรคที่เกิดจากเชื้อรา เช่น รากเน่าโคนเน่า โรคใบจุด ใบด่าง ใบดำ แคงเกอร์โรคแอนแทรกโนส ฯลฯ การใช้จุลินทรีย์ทริปโตฝาจ ในการป้องกันกำจัดเพลี้ยแมลงศัตรูพืชการใช้จุลินทรีย์ไมโตฟากัสปราบไรศัตรูพืช ไรศัตรูเห็ด การใช้หินแร่ภูเขาไฟช่วยให้ปุ๋ยเคมี ปุ๋ยหมักปุ๋ยคอกกลายเป็นปุ๋ยละลายช้าการใช้หินแร่ภูเขาไฟบำรุงดินที่ขาดแคลนความอุดมสมบูรณ์ เช่น ดินทรายจัด ดินเหนียวจัด เป็นต้น
การหมักสมุนไพรไล่แมลงจาก ขิง ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด ฟ้าทะลายโจรขมิ้นชัน ไพล กานพลูเมล็ดสะเดา หางไหล หนอนตายอยากการใช้พริกแกงป่า พริกแกงส้ม การทำจุลินทรีย์ขี้ควาย จุลินทรีย์หน่อกล้วย ฮอร์โมนไข่ อื่นๆ อีกเยอะแยะมากมาย ถ้าท่านสนใจในแนวนี้โทรศัพท์ไปสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกับเจ้าหน้าที่ชมรมเกษตรปลอดสารพิษ โทร. 0-2986-1680-2 หรือรับฟังข้อมูลข่าวสารทาง สถานีวิทยุมก. บางเขนAM 1107 (ภาคกลาง)สถานีวิทยุมก.แขนแก่น (ภาคอีสาน) AM1314 สถานีวิทยุมก. เชียงใหม่ AM612(ภาคเหนือ) และสถานีวิทยุมก. สงขลา AM1269 Z (ภาคใต้) หรือทางรายการ “ฟาร์มเกษตรปลอดสารพิษ” ทางช่อง FARM Channel หรือไม่ก็ทางเว็บไซด์ www.thaigreenagro.com ก็ได้นะครับ
มนตรีบุญจรัส
ชมรมเกษตรปลอดสารพิษwww.thaigreenagro.com
ไม่มีความเห็น