I recommend to watch this short clip. This reminds me a movie of "The railway man." (It's in english with Thai subtitle.)
"Faith is to believe what you do not see; the reward of this faith is to see what you believe."
-- Saint Augustine
เป็นคลิปที่ทำได้ดีมากเลยค่ะ "Faith is to believe what you do not see; the reward of this faith is to see what you believe." OMG! ใช่เลยค่ะ
โฆษณาไทยนี่ไประดับโลกหลายตัวครับ ตัวนี้คิดว่าได้แรงบันดาลใจจาก the railway man เห็นเขามีเว็บไซต์ที่รันแคมเปญนี้อยู่ด้วยครับ https://www.thetruemeaningofgiving.com/?ref=yt
แต่ว่าไปแล้วทำโฆษณามีประเด็นระหว่างประเทศนี่ก็เสี่ยงนะคะ เพราะในสงครามทุกฝ่ายย่อมต้องการเป็นผู้ถูกทั้งนั้น
ลึก ๆ ก็เห็นด้วยนะครับ แต่ว่าสงครามโลกครั้งที่สองนี่ settle ไปแบบเด็ดขาด โดยฝ่ายสัมพันธมิตรเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะ ซึ่งสะท้อนออกมาบนที่นั่ง สภาความมั่นคงสหประชาชาติ (อเมริกา, อังกฤษ, ฝรั่งเศส, รัสเซีย (โซเวียต), จีน) จึงทำให้ประเทศกลุ่มนี้เป็นประเทศที่ "กำหนดวาทกรรม" และความชอบธรรมของสงคราม ดังนั้นสิ่งที่ฝ่ายอักษะอย่างเยอรมนีและญี่ปุ่นทำจึงผิด เรื่องที่ทำผิดมาก ๆ เช่น การสังหารหมู่ชาวยิว การทรมานและเอานักโทษมาทำการทดลองทางการแพทย์อย่างไร้มนุษยธรรม หรือการทรมานและการสังหารเชลยศึกอย่างไร้มนุษยธรรมจึงถูกนำมาขยายผล ในขณะเรื่องที่ขัดกับมนุษยธรรมที่ฝ่ายสัมพันธมิตรทำ (อาทิ เช่น การทิ้งระเบิดปรมาณูที่ นางาซากิ และ ฮิโรชิมา) ก็จะถูกละเลยไป
ในประเทศแพ้สงครามเอง ก็ถูกควบคุมจากฝ่ายชนะสงคราม (เยอรมนีถูกแบ่งเป็นสองประเทศ ด้านตะวันตกถูก อเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส แบ่งกันควบคุม ในขณะที่ด้านตะวันออกอยู่ใต้การปกครองของโซเวียต) ในขณะที่ญี่ปุ่นถูกควบคุมโดยอเมริกา จึงมีทัศนะมองว่าตนเป็นคนผิดที่ก่อสงครามและสร้างความเสียหายให้กับโลกจนถึงทุกวันนี้
ในด้านหนึ่งโฆษณานี้ที่ถูกสร้างโดยอ้างอิงเรื่องราวทำนองเดียวกับ The railway man จึงเป็นกระแสหลักของโลก (อักษะ คือ เยอรมนี - นาซี และ ญี่ปุ่น เป็นฝ่ายผิด และเป็นฝ่ายกระทำต่อทหารสัมพันธมิตรซึ่งเป็นตัวแทนความชอบธรรม, หรือคนยิวที่ถูกกระทำ ซึ่งเป็นตัวแทนของคนที่ไร้อำนาจในการต่อสู้) จึงได้รับการยอมรับมากกว่า การสร้างภาพยนตร์โฆษณาและภาพยนตร์ในทิศทางตรงกันข้ามนะครับ