อยากจะท้าวความ..ถึงอาชีพ..ที่เคยทำหรือร่ำเรียนมา..ว่า..เมื่อเวลาผ่านไป..เป็นประสพการณ์..ที่เรียกว่าอดีตนั้น..ให้อะไรกับชีวิตบ้าง..กับคำว่า จิตสำนึกได้ หรือ ใต้จิต สำนึก...กับคำว่า ธรรมชาติ ..เป็นต้นว่า ดิน น้ำ ลม ไฟ...
เกริ่นว่า"ยายธี" เป็นเด็กที่เกิดเมื่อ สงคราม เริ่มจะเลิกลง ยังแบเบาะ คงไม่ได้รับรู้อะไรมากนัก นอกจากเรื่องที่แม่เล่า...สงครามเลวร้ายอย่างไร..คนรุ่นยายธี..ไม่สามารถรับรู้ได้..รู้จักแต่ความสบาย..มาแต่เกิด...กัน.(เพราะ)...เริ่มยุคใหม่ สมัยใหม่ ที่คล่องตัวด้วยวัตถุ และอารยธรรมเทศ...ตรงนี้..ยายธีมาเห็น..ที่ ประเทศเยอรมัน.คือความโหดของสงครามนั้นเป็นอย่างไร ใน.(ประเทศนำสงคราม..ช่วงนั้น..ที่มีประวัติศาตร์ยาวนานและต่อเนื่องมาจนปัจจุบัน..)
เริ่ม..สัมผัส..ดิน...(อยากจะใช้ศัทท์ไทยแสลงว่า " ติดดิน"..)..แล้วกัน..เคยเล่าว่า..มีเงินติดกระเป๋านิดหน่อย ต้องแบ่งกันสองคน..สองร้อยเหรียญ..ก็คือ คนละร้อย..จะอยู่ได้อย่างไร...
เคยคิดฝันไว้เมื่อได้มีโอกาศร่ำเรียนก้าวไปอีกระดับหนึ่งของระบบการศึกษา..สมัยนั้นมหาวิทยาลัย ศิลปกร เป็น น้องเล็กสุดที่กำเนิดขึ้นในการศึกษาของเมืองไทย..และแทบว่าจะไม่จัดให้อยู่ใน..ระดับความรู้เรียนได้ ด้วยซ้ำ..คิลป ดูต่ำต้อย..ระดับช่างก็ว่าได้..เป็น..ต้นว่า..รร. ศิลปศึกษา..เปลี่ยนเป็น รร. ช่างคิลป์...เป็นต้น..
"ดิน"..ถูกมองเป็น ของต่ำ (สกปรก)..แถม จน...มีคำว่า.."ฟ้า สูงแผ่นดิน ต่ำ"...เปรียบเทียบให้เป็นความรู้สึก ในความเป็นอยู่...คนเลยจำเป็นต้องตะเกียกตะกาย ฟ้า เป็นต้น.. ติดดิน..จึงเป็นสภาพของคนประเภทหนึ่ง ขี้ข้า..ที่เงยหัวไม่ขึ้น..ตลอดชีวิต...(คงเป็นอย่างนั้น คิดเอาเอง)...
โอกาศ"..ติดดิน..ของยายธี " เริ่ม ต้นว่า ถ้ามีโอกาศ ก็อยากจะเรียน ceramic วิชานี้ เมืองไทยสมัยนั้นยังไม่มี..มีคณะ มัณฑณะศิลป์..ที่เรียนรวบยอด ทุกอย่าง ในสาขา ตบแต่ง ภายนอกภายใน วิชา เครื่องเคลือบดินเผา เป็นวิชา..ที่เรียนเพียง งูๆปลาๆแถม ยังมีการหวงวิชา กันมาแต่โบราณ...มีเตาที่ทำอาชีพดินเผาขาย อยู่เพียงหนึ่งหรือสองโรงงานเล็ก ครอบครัวชาวจีน ที่ทำสืบทอดกันมา...
เมื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัย ศิลปะแห่งกรุงเบอร์ลิน...โอกาศที่"ฝัน"ไว้จึงมาถึง..หลังจากเรียน สาขาออกแบบ สถาปัตยกรรมออกแบบร้านรวงในงานสำหรับแสดงสินค้า..ที่ได้เลือกเรียนไว้ตั้งแต่แรก...เพราะเป็นอาชีพ ทำเงิน...(เพราะ..ถูกสอนกันมาว่า..เรียนให้ได้เงินได้ตำแหน่งสามารถมียศฐาสถานะแตกต่าง..ผิดรากเหง้าเพราะ"เงิน" ...จะได้เป็นที่พึ่งของพ่อแม่พี่น้อง..ที่คลานตามกันมา..)...ความเบื่อเกิดขึ้น..ตรงนี้..จึง เลิกเรียน ขอย้ายคณะ ไปเรียน รู้เรื่องที่อยาก จะ "เรียน"......
ที่นี่..ได้เรียนรู้ด้วย..ตัวเอง..(เขาเรียน กันแบบนั้น "ฝรั่ง"..).. สิ่งแรก คือ ปล้ำดิน...ทำอย่างไร..จึงจะบังคับให้มันอยู่บนแป้นหมุน..ไม่ให้หลุดกระเด็นไปตาม..แรงเหวี่ยง...แป้นปั้น..ต้องถีบให้มัน "หมุน"..ด้วย(ตีน)...ตัวเอง..(เกือบเหมือน..คำว่า..ตีนถีบปากกัด..ในภาษาไทย..)
ถามตัวเองว่า จะอยากเรียนไปอีกซักกี่น้ำ..ดินมันเย็นเป็น น้ำแข็ง .. เละ...เป็นขี้อ้ายอู แถม แรงก็ไม่มี..เคยจับแต่ดิน สอ ปากกา ว่าไปตามความคิด บงการ ไม่เคยลงมือทำ..นั่งเป็น นายแบบในสำนักงาน ใช้ ช่างทำ ลูกเดียว...ไม่เคยทำอะไรเป็น...(ต้องมานั่งปล้ำดิน)..
....พอเคยชิน..ดินเลยเป็นเพื่อน..ตั้งแต่ นั้นมา.. "ดิน "ให้ ชีวิต ใหม่ ความคิด ใหม่..ดิน เป็น ต้นเหตุให้ได้คิดเมื่อสัมผัส.....ชีวิต ติด ดิน
จึงเป็น..ชีวิต..ที่ ตนพบตนได้..สามารถหลุดพ้นจาก อัตตา ไม่ให้..แผ่นดินกลบหน้า..หากเป็น ธาตุ กลับสู่ธรรมชาติ ไฟ น้ำ ลม ดิน..เป็นวัฏรสงสาร..แห่งอสงไขยเวลา...
ขอบพระคุณ ผู้สร้างรูปนี้..ได้มาจากไลน์..
ต้นไม้ดอกไม้พืชคนสัตว์..มีธาตุเดียวกัน..ดินน้ำลมไฟ..(แล้วเหตุไฉน..จะเบียดเบียน กันทำไม.)เพียงรู้ตื่นรู้เบิกบานกับกาลเวลา ที่เปลี่ยนผัน..มันเป็นอยู่เช่นนั้น...ยึดครองไม่ได้..แม้แต่ ตัวตน ที่ว่าเป็น ของตน...
ธรรมชาติ คือ สัจจธรรม แจ้งแล้วตื่นแล้ว..คือ พุทธะ...วิถี ธรรม...อันหลีกเลี่ยงมิได้...เกิดแก่เจ็บตาย..กัมายาแห่งสุขและทุกข์...เอวังก็มีด้วย..ประการฉนี้....
(ขอให้ท่านผู้อ่านทุกๆท่าน...มีความสุขและโชคดี ที่ได้เกิดมาเป็นคน..ในยุคนี้สมัย.นี้..บุญรักษา..เจ้าค่ะ..)
ยายธีขอ..จบ..บันทึก ชีวิตเรื่องเล่า..ยายธีไว้เพียงเท่านี้..เจ้าค่ะ...ด้วย คาระวะ...ฮัมบอรก juli..2015.
Love those words in the picture ...life is what you make it...
I remember an old wisdom something like "to be a good person, you have to do good and keep doing good things till they are your habit".
To me this "learning and learning until we learned" ;-)
ประสบการณ์คุณยายมีคุณค่ามาก
ดิฉันอ่านด้วยความชื่นชม ยายธีเข้าถึงความจริงชีวิตที่มองผ่านสายตาและความคิดของศิลปิน
อ่านบันทึกยายธีต้องค่อยๆ อ่าน
สวัสดีค่ะ..คุณnui..อ่านคอมเม้นท์นี้..แล้วต้องอมยิ้มแก้มตุ่ย..อิอิ...(อ่านบันทึก ยายธี ต้องค่อยๆอ่าน..)..มาสารภาพว่า..ตัวเองเขียนไปแล้ว..บางทีต้องกลับมา..ค่อยๆอ่านเหมือนกัน..เจ้าค่ะ..แล้วพยายามคิด..ว่าตัวเองเขียนอะไรไปบ้าง..จะมีคนเข้าใจไหมเนี่ยะ...ขอบพระคุณอีกครั้งด้วย คาระวะ เจ้าค่ะ..(ยายธี)...
สวัสดีค่ะ..คุณ sr..มีภาษาอังกฤษที่เห็นในเยอรมัน..ใช้บ่อยๆ..learning by doing...น่าจะเข้ากันได้ กับ doing fix..นะเจ้าคะ...วิธีเรียนแบบนี้..ไม่ต้อง..learningๆๆๆ..เจ้าค่ะ กว่าจะรู้...จะ เบื่อตายก่อนมั้ง..เหมือน ย่าบอกให้สวดมนต์..สวดทุกวัน..ถามว่าสวดทำไม..(ไม่รู้)..สวดได้ความว่าไง...(ไม่รู้)..ไหว้ พระทำไม..แม่บอกให้ไหว้..ยกก้นสูงๆหัวก้มจรดพื้นเล้ย..(แต่ไม่รู้เหมือนกัน ทำไมแม่สอนให้ไหว้แบบนั้น..we learned...)..จริงๆยายธีแก่จนป่านนี้ก็ยังไม่ทราบจริงๆ..แอะๆ..ว่าทำไมต้องเป็นแบบนั้น..ขืนไม่ทำตามแม่บอก..โดนตี กระโดด..ไม่เชื่อก็ลองมาแล้ว..โดนหวด..ก้นสั่น..ไม้เรียวน่ะ..5
แต่ถ้าใครมา..ถามว่า..ดินที่มันอยู่บนแป้นหมุนทำอย่างไไม่ให้มันกระเด็นออกไปนอกแป้นหมุนละก็..บอกได้เล้ย..5...
เข้าใจบ้าง ไม่เข้าใจบ้างค่ะคุณยายธี .... บางทีต้องกลับมาละเลียดอ่านค่ะ
และเก็บไว้อ่านวันหน้าบ้างค่ะ เผื่อจะเข้าใจขึ้น อิ อิ ^_,^
ขอบพระคุณนะคะที่คุณยายขยันเขียนค่ะ
สวัสดีค่ะ...คุณ ธิรัมภา..สบายดีนะเจ้าคะ....อยากจะมาบอกให้เข้าใจว่า...ที่เขียนไม่ใช่เพราะขยัน..ดอกเจ้าค่ะ..
(หนึ่ง )....น่าจะเป็นเพราะว่า "อยาก เข้าใจ ตนเอง"..อิอิ...มากกว่า...
(สอง)..ได้..ตั้งสติ..ใช้ ฝึก สมาธิ..ที่มีอยู่ สั้นๆ..ฝึกไว้ กันสมองฝ่อ..
(สาม)..มีความสุข..ตามประสาคนแก่..ที่...ต้องอยู่คนเดียว..ฉะนั้น..ทุกๆท่านที่แวะมาเมนท์..ถือว่าทำบุญให้กับ คนแก่..จะได้ไม่หงอย ตาย จ้ะ.....ตรงนี้ให้ถือว่าเป็นทานสูงสุดคืออภัยให้..ถ้า ยายธี ทำให้ผู้อ่าน..ต้องอ่าน..เพื่อเพิ่มความเข้าถึงตน..และละตัวตน ให้ได้..ก่อน..จะจากตัวตน นั้นไป....อิอิ..
และมาเตือนว่า doing fix เจ้าค่ะ..อย่างน้อยก็..เบาๆไว้หน่อย อิอิ รักโลภโกธรหลงที่มี คุมให้อยู่..พอดีๆแล้วจะพบกับ ความสุข แบบ พอดีพอไหว..แบบคุณ ธวัชชัย เจ้าค่ะ...ขอบอก..555..