จากแหล่งอ้างอิงทางประวัติศาสตร์ย้อนเวลากลับไปก่อนคริสตกาลจนถึงปัจจุบัน ประวัติของตระกูล"McCausland"ที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับสายสกุลสามีของดิฉันที่ได้อ่านจากหลายแหล่ง เป็นเรื่องราวของการอพยพครั้งใหญ่ถึงสามครั้ง
และถ้านับรวมครอบครัวของดิฉันด้วยก็จะนับเป็นสี่ครั้งดังนี้ค่ะ
การอพยพครั้งที่1: Prince AnselanพระราชโอรสของKing O'Kyan of Ulster, Northern Ireland อพยพจากการลุกล้ำดินแดนของพวกDanes มายังScotlandซึ่งKing MalcomIIสู้รบกับพวกDanesเช่นกัน เป็นการผนึกกำลังขับไล่พวกDanes หากเมื่อรบชนะแล้ว เจ้าชายได้รับการถวายที่ดินที่Loch Lomond ประมาณคริสตศตวรรษที่11-12
ทรงตัดสินพระทัยรับที่ดินและตั้งรกรากอยู่ในScotland มิได้เสด็จกลับไปIreland ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ที่มาของนามสกุลจึงเป็นภาษาสก็อต Mac หมายถึงบุตรชาย(เช่นเดียวกับ"สุต"และ"สูต"ในนามสกุลพระราชทานจากรัชกาลที่6)ต่อด้วยพระนามAnselan
ตัวสะกดเปลี่ยนตามกาลเวลา จนถึงผู้สืบเชื้อสายของท่านในสมัยคริสตศตวรรษที่16 Baron John Mac Auslane ส่วนที่Scotlandบุตรท่านอื่นที่ยังอยู่ที่Scotland ได้สืบทอดเชื้อสายกันมาถึงปัจจุบัน
การอพยพครั้งที่2: Baron John Mac Auslane เดินทางมายังCounty Tyrone, Northern Ireland พร้อมบุตรชายสองท่าน
ได้รับเลือกเป็นผู้ดูแลเก็บค่าเช่าที่ดินให้รัฐบาลอังกฤษ ด้วยความเหมาะสมของต้นตระกูลเชื้อราชวงศ์ไอริชตั้งแต่Prince Anselanและ King O'Kyan มีหลักฐานย้อนกลับไปถึงก่อนคริสตกาลเป็นตระกูลราชวงศ์กษัตริย์ไอริชทั้งสิ้น
รุ่นที่สามหลานทวดของBaron John แต่งงานและได้รับมรดกที่ดินจากทางภรรยาแยกออกมาจากกลุ่มที่County Tyrone " Conolly Robert McCausland " ได้สร้างMansionชื่อ"Fruit Hill"(ปัจจุบันเรียกว่าDrenagh)ที่ County Londonderry เป็นMansionที่สวยงามมากสร้างในเนื้อที่กว้างใหญ่ น่าเสียดายที่ลูกหลานในตระกูลที่ได้รับมรดกตกทอดกันมาได้ตัดสินใจขายให้รัฐบาลทำที่พักและที่จัดงานแต่งงานหรูหรางดงามรวมถึงสนามกอล์ฟเมื่อปีคศ.2014 เนื่องจากไม่สามารถแบกรับภาระค่าใช้จ่ายดูแลรักษาMansionที่สูงลิ่วได้ นอกจากนั้นเรื่องของการสะกดนามสกุลเปลี่ยนไปตามการออกเสียง เป็นMcCauslandจนถึงปัจจุบัน
การอพยพครั้งที่3: บุตรชายของConolly Robert McCausland อพยพไปรัฐMaine, USA แม้จะไม่มีหลักฐานการติดต่อกับทางพี่น้องที่Fruit Hill แต่ก็เป็นที่ยอมรับว่าMaine McCauslands ต้นตระกูลเป็นใครไปไม่ได้นอกจากบุตรชายของRobert of Fruit Hill นอกจากนั้นยังมีหลักฐานว่าบุตรชายของท่านอพยพไปอินเดีย จึงเป็นไปได้ด้วยที่จะมีบุตรชายอพยพไปอเมริกาตามความนิยมในยุคนั้น
การอพยพครั้งที่4(เฉพาะCharles Everett McCausland): การอพยพของตระกูลMcCauslandครั้งใหญ่น่าจะจบที่USA รวมถึงCanada Australia และ New Zealand ลูกหลานในIreland และScotland ก็สืบทอดตระกูลต่อๆมา ได้รับการตั้งชื่อเป็นเมืองMcCauslandเมืองเล็กๆเมืองหนึ่งในสหรัฐฯ ลูกหลานในตระกูลอพยพกระจายไปตามรัฐต่างๆในสหรัฐฯ มีบุคคลมีชื่อเสียงในตระกูลหลายท่าน เช่น Nelson McCausland รัฐมนตรีของไอร์แลนด์ Brigaidier John McCausland นายทหารทีทำการรบท่านหนึ่งในสงครามการเมืองอเมริกันจากรัฐVirginia Chris McCauslandนักแสดงตลกชาวอังกฤษเป็นต้น
ส่วนสามีของดิฉัน Charles Everett McCausland ตามประวัติสืบทอดตระกูลมาจากสายMaine McCauslands จนกระทั่งพบรักกับดิฉันทางอินเตอร์เน็ต หลายเดือนที่เขาโทรมาคุยคบหาดูใจทุกวันทางโทรศัพท์จากสหรัฐฯ และตัดสินใจเดินทางมาเมืองไทยแต่งงานจดทะเบียนสมรสกับดิฉันในปีค.ศ.2000 มีพยานรักหนึ่งคน และได้ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่3 มีนาคม พ.ศ.2544(ค.ศ.2001) ซึ่งบุตรของเราอายุได้เพียง3เดือน
หากจะนับการที่Charles Everett McCausland อพยพมามีครอบครัวในเมืองไทย มีสะใภ้และบุตรสกุลนี้ในปัจจุบัน ก็จะนับได้ว่า คนในตระกูลอพยพครั้งที่4
ดิฉันยังไม่เคยได้ยินว่ามีคนใช้นามสกุลMcCauslandในไทย มีเพียงดิฉันกับบุตร หากท่านผู้อ่านทราบว่ามี กรุณาช่วยเพิ่มข้อมูลได้โดยตรงค่ะ
(อ้างอิงจาก: kelcran.com/home.comcast.net/irishtimes.com/cotyroneireland.com/
geni.com/https://scontent.fbkk2-1.fna.fbcdn.net/wc.rootsweb.ancestry.com/Wikipedia.
ไม่มีความเห็น