การจัดการความรู้ (Knowledge Management) หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า KM จริงๆ แล้วไม่น่าจะเป็นเรื่องที่ยากลำบากอะไร เพราะธรรมชาติของคนทั่วไปเวลาจะทำอะไรก็คงต้องใช้ความรู้ที่ตนมีอยู่หรือไม่ก็ต้องเสาะแสวงหาความรู้ใหม่ก่อนที่จะทำอะไรลงไป (มิใช่หรือ?)
แต่ที่เรื่อง KM ดูยุ่งยากผมว่าคงมาจากตอนที่พยายามจะจัดเก็บความรู้กันนี่แหละ เพราะความรู้สำคัญส่วนใหญ่นั้นอยู่ภายในตัวผู้ปฏิบัติ (Tacit Knowledge) หาใช่ความรู้ชัดๆ ที่เขียนอยู่ในคู่มือปฏิบัติงาน (Explicit Knowledge) แต่อย่างใด คำถามที่ผมมักถูกถามเป็นประจำก็คือ “แล้วเราจะนำความรู้ที่อยู่ในผู้ตัวปฏิบัตินี้มาจัดเก็บได้อย่างไร?” ซึ่งการตอบคำถามนี้ก็คือสิ่งที่หน่วยงานของผม (สถาบันส่งเสริมการจัดการความรู้เพื่อสังคม หรือ สคส.) ได้พยายามทำให้เกิดการเรียนรู้ผ่านการทำ Workshop สามวันบ้างสองวันบ้างมาตลอดเวลาสิบกว่าปีที่ผ่านมา
มาถึงตอนนี้สิ่งที่ผมพบ กลับไม่ใช่การขาดความรู้ความเข้าใจในเรื่อง KM ปัญหาใหญ่ในตอนนี้ (โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหน่วยงานภาครัฐ) อยู่ที่เรื่องคนทำงานขาดแรงบันดาลใจ (Inspiration) ไม่มีโอกาสได้ฝึกใช้จินตนาการ (Imagination) ทำได้แค่ทำงานไปตามคำสั่ง ทำไปตามกรอบหรือที่ได้รับมอบหมายไปวันๆ ทำไปโดยไม่เห็นคุณค่าความหมายในสิ่งที่ทำ ทำไปอย่างไร้จุดหมาย ไม่ได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์ใดๆ ไม่รู้ว่าจะคิดไปทำไม (ให้ป่วยการ) ไม่เกิดนวัตกรรม (Innovation) จากการทำงาน ได้แต่แก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปวันๆ เท่านั้น
ในสายตาของผมคำถามสำคัญที่ท้าทายยิ่งไปกว่าเรื่องการจัดการความรู้ก็คือ “แล้วเราจะจัดการกับ 3I (Inspiration+Imagination+Innovation) ที่ว่านี้ได้อย่างไร?” เพราะถ้าไม่มี 3I สิ่งที่เรียกว่า KM ก็ไม่มีความหมายอะไร ผมจะเรียกเทคนิคหรือเนื้อหาที่จะมาจัดการกับ 3I นี้ว่า “M3I” ซึ่งก็หมายความว่าเราจะ Manage หรือจัดการกับ 3I ที่ว่านี้ได้อย่างไรนั่นเอง (คิดดังๆ ว่า . . “คงต้องเขียนหนังสือเรื่องนี้ขึ้นมาสักเล่มแล้วนะ”)
วันนี้ 25 มิย 58 กำลังจะมาเล่า 4I รวม Identity
เพื่อสานพลังสู่การเปลี่ยนแปลงให้กับพี่น้องพยาบาล รพ สงขลานครินทร์ค่ะ
หวังว่าสิ่งที่เล่า จะสร้างแรงบันดาลใจได้ค่ะ
ตามมาอ่านอีกครั้งค่ะ