673. เรียนรู้ศาสตร์ OD จาก "สามก๊ก" (ตอนที่ 3)


ผมเองดูสามก๊ก เกือบทุกวันครับ เพื่อเตรียมการสอนไปด้วย และด้วยอยากกลับไปดูอีกครั้งเมื่ออายุมากขึ้น ปีนี้ผมมาดู มาศึกษาอีกรอบก็เห็นอะไรใหม่ๆ เมื่อวานก่อนดูสามก๊ก ตอนที่เล่าปี่ ต้องหนีหัวซุกหัวซุนจากลิโป้ เหตุเพราะเตียวหุยไปขโมยม้าจากลิโป้ ทำให้ลิโป้โกรธมากๆ ... (ลิโป้ตัวร้ายครับ จอมทรยศหักหลัง) ที่สุดลิโป้ยกทัพที่เหนือกว่ามาประชิดเมือง เล่าปี่ทำอะไรไม่ได้มากนัก ที่ปรึกษาจึงแนะนำให้หนีไปพึ่งโจโฉก่อน ต่อมากองทัพเล่าปีก็ตีฝ่าวงล้อมได้ หนีไปสวามิภักดิ์กับโจโฉได้ในที่สุด

ที่ปรึกษาเกือบทั้งหมดของโจโฉบอกโจโฉว่าเล่าปี่คือศัตรูที่น่ากลัว ให้ฆ่าทิ้งก่อน ไม่อย่างนั้นจะเป็นภัยในภายภาคหน้า ทุกคนกล่อมจนโจโฉเคลิ้มจะทำตาม แต่กุยแก กุนซือที่อายุน้อยสุดกลับทักโจโฉว่า “ท่านเองกำลังก่อการใหญ่ โดยประกาศช่วยกู้ราชวงค์ เอาคุณธรรมนำหน้า ขุนศึกทั่วแผนดินต่างหันมาช่วยท่าน ถ้าท่านฆ่าเล่าปี่ ซึ่งได้รับการยอมรับเรื่องคุณธรรมอย่างมากแล้ว ...ท่านอาจกำจัดศัตรูไปได้หนึ่งคน แต่ท่านจะได้ศัตรูทั้งแผ่นดิน”

โจโฉเห็นด้วยทันที แน่นอนเล่าปี่ยังสร้างปัญหาให้โจโฉอีกต่อไปอีกนาน แต่จากการตัดสินใจในครั้งนั้น แน่นอนโจโฉกลับทรงอำนาจมากขึ้นเรื่อยๆ ....

ผมดูตอนนี้แล้วว๊าว ..โว๊..ว๊าว... ผมเห็นชัดเลยว่าวุยก๊กของโจโฉนี่มันองค์กรแห่งการเรียนรู้ชัดๆ... Learning Organisation เล่าปี่ก็ด้วย มาวิเคราะห์กัน

ปรมาจารณ์เซ็งเก้ ว่าไว้ว่าองค์กรที่จะเติบโต เข้มแข็งได้อย่างยั่งยืน ตอบรับกับการเปลี่ยนแปลงได้อย่างทันท่วงที เรียกว่าปรับตัวเก่งจนล้ำนี่ ..ต้องเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ครับ ทำได้ด้วยการฝึกวินัยห้าประการ (Fifth Disciplines)

วินัยที่ว่าคือ..ต้องหมั่นทบทวนว่าเกิดมาเพื่ออะไร เป้าหมายในชีวิตคืออะไร ไม่ใช่อยู่ไปวันๆ ตรงนี้เราเรียกว่า

Personal Mastery ตรงนี้คืออุดมการณ์นั่นเอง ถ้าเป็นองค์กรธุรกิจก็ต้อง People Profit Planet ต้องดูเป้าหมายว่าเพื่อกำไร ก็จริง แต่สมดุลย์ไหม ช่วยคนไหม ช่วยโลกไหม

Mental Model หมั่นทบทวนว่าตอนนี้ติดยึดกับความเชื่อ ความคิด สมมติฐานเดิมๆไหม

Dialogue ต้องหัดฟังมากกว่าพูด ท่านดาไลลามะตรัสว่าเวลาคนพูดมากกว่าฟัง เขาจะใช้ข้อมูลเดิมมาพูด แต่ถ้าเราฟัง มากกว่าพูด เราจะได้ข้อมูลใหม่ๆ

Team Learning เรียนรู้กันเป็นทีม ไปร่วมกันสำรวจ ช่วยกันมอง พากันทำ ผ่านการชี้นำที่ดี

System Thinking ถ้าวินัยเบื้องต้นสี่ข้อแรกดีแล้ว ระบบการคิดจะเป็นระบบ เราจะเห็นทางออก พร้อมๆกับความเสี่ยง

ผมว่าสิ่งที่โจโฉมีอาจไม่ใช่อุดมการณ์ที่แรงกล้านัก แต่ขบวนการของโจโฉก็มีเป้าหมายชัด คือประกาศกู้ราชวงค์ เพื่อใช้ดึงการมีส่วนร่วมจากขุนศึกต่างๆ ตรงน้ีเรียกว่าว่ามี Personal Mastery แล้ว เล่าปี่ศัตรูตัวสำคัญในเรื่องนี่ยิ่งเด่นครับ ชูคุณธรรมมาเลย

แต่ที่ทำให้โจโฉและเล่าปี่โตวันโตคืนในช่วงแรกๆ ก็คือการฟัง (Dialogue) จะเห็นว่าโจโฉฟังทุกคนก็จริง คือตอนแรกจะฆ่าเล่าปี่แล้ว แต่กุยแก แนะนำว่า ถ้าฆ่าตอนนี้ก็จะทำให้เกิดเรื่องแน่ เพราะขัดกับสิ่งที่โจโฉสื่อสารมาตลอด คือขัดกับ Personal Mastery ที่แสดงออกมาตลอด ข้อคิดนี้ทำให้โจโฉเปลี่ยนความเชื่อเดิมที่ต้องฆ่า (Mental Model) เดิม ...ที่สุดก็หันมาคิด ทำร่วมกันจนนำมาสู่แผนการ ที่มองอย่างเป็นระบบ (System Thinking) ที่มองทั้งระยะสั้น ระยะยาว

แม้ว่าจะพลาดหลายครั้งแต่โจโฉก็สร้างความยิ่งใหญ่ให้กับวุยก๊กอย่างเป็นระบบ


เช่นเดียวกับเล่าปี่ที่มี Personal Mastery หรืออุดมการณ์ที่ ชัดเจน แถมทำตามที่พูดมาตลอด.. มีการฟัง การเรียนรู้เป็นทีม และการปลดล็อกความเชื่อ (Mental Model) อยู่เสมอ...คือไม่ทำอะไรอย่างที่คนอื่นๆทำตามกันมา จนทำให้เกิดการคิดแบบเป็นระบบ มองเห็นโอกาส ความเสี่ยงและบริหารได้อย่างหมดจด แพ้บ้าง (รู้สึกแพ้เยอะนะ) แต่ก็โตจนโจโฉและทีมมองว่าเป็นศัตรูที่น่ากลัว

จะว่าไปคนที่มีส่วนสำคัญที่ช่วยให้โจโฉก้าวพ้นกับดักความเชื่อเดิมๆ (Mental Model) และช่วยทำให้การกรำททุกอย่างของโจโฉเป็นไปในทางที่สอดคล้องกับอุดมการณ์ จนทำให้โจโฉกลายเป็นเครื่องจักรสงครามที่ทรงอำนาจ ก็คือ “กุยแก” กุนซือคนสำคัญ ที่บังเอิญอายุสั้นเกินไป ก่อนที่จะมาเจอขงเบ้ง ถ้ากุยแกอายุยืนกว่านี้ Learning Organisation ของโจโฉอาจจะไปไกลกว่านี้ สามก๊กอาจไม่จบที่เมืองจีน อาจไปยึดยุโรป อาหรับได้เหมือนเจงกิสข่านก็ได้ ...

และแน่นอนองค์กรทรงอำนาจอย่างของตั๋งโต๊ะ ลิโป้ อ้วนเสี้ยว(ที่เคยเหนือกว่าโจโฉ) ก็พังหมด เพราะนอกจากขาด Personal Mastery แล้ว ยังไม่ค่อยฟังใคร ที่สุดก็คิดแบบเดิมๆ ติดยึด ไม่คิดแบบทีม ที่สุดทุกอย่างไม่เป็นระบบพังไปหมด

และแน่นอนในสามก๊ก ทุกอย่างไม่ได้อยู่คงที่ รุ่นลูกไปหมด เพราะพอเป็นฮ่องเต้แล้ว อย่างเล่าเสี้ยนนี่ไปหมดครับ แถมไปฟังขันทีอีก จนหมดอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ กลายเป็นเพียงมณฑล

เรื่องสามก๊ก เป็นอะไรที่น่าคิดน่าอ่านครับ เราจะเห็นเหตุปัจจัยความสำเร็จ ความเสื่อมที่ชัดเจนมากๆ

Learning Organisation เป็นอะไรที่เห็นชัดมากๆ ในสามก๊ก ส่วนองค์กรสมัยใหม่ เรื่ององค์กรแห่งการเรียนรู้นี้ถือเป็นเครื่องมือในการพัฒนาองค์กรประเภทหนึ่ง ที่ต้องฝึกคิดฝึกทำในระดับที่เรียกว่าวินัย และต้องทำอยู่เป็นประจำครับ

และในยุคนี้คนที่จะมาช่วยให้คุณทบทวนเรื่อง Personal Mastery ผมว่าไม่มีใครเกินท่านอาจารย์ดร.วรภัทร์ครับ ลองดู Clip นี้แล้วคุณจะตอบตัวเองได้เลย พอตอบได้ที่เหลือจะตามมาเอง ผมเคยเอา Clip นี้ขึน FB แล้วลูกศิษย์ผมมาดูเกิดการคิดใหม่ทำใหม่ ตอนนี้ไปไกลกว่าเดิมมากๆ



วันนี้พอเท่านี้ครับ เพียงเล่าให้ฟัง ลองเอาไปพิจารณาดูนะครับ

Credit ภาพ:

ภาพ1: http://www.majorcineplex.com/news/the-assassins-ne...

ภาพ 2: http://videoezy.co.th/Trailers_All_2012/The Assa...

หมายเลขบันทึก: 591228เขียนเมื่อ 18 มิถุนายน 2015 10:21 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 มิถุนายน 2015 07:06 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท