บันทึกชุด "ขอบฟ้าใหม่ในเรื่องความรู้" นี้ เกิดขึ้นเพราะผมต้องเตรียมตัวกลับเข้าไปรับงานบริหาร สคส. ต่อจาก ดร. ประพนธ์ จึงต้องตรวจสอบสถานภาพของการจัดการความรู้ในยุคปัจจุบัน ว่าแตกต่างจากตอนที่ ผมเริ่มทำงานด้านการจัดการความรู้ในปี พ.ศ. ๒๕๔๕ อย่างไรบ้าง และพบหนังสือที่น่าสนใจชื่อ The New Edge in Knowledge เขียนโดย Carla O'Dell & Cindy Hubert แห่ง APQC (American Productivity and Quality Center) ให้มุมมองต่อ KM สมัยใหม่ มีประเด็นทั้ง เชิงทฤษฎีและเชิงปฏิบัติ สอดคล้องกับยุคสมัยอย่างยิ่ง
มี เว็บไซต์ ของหนังสือเล่มนี้ที่ www.newedgeinknowledge.com
บันทึกตอนที่ ๑ นี้ เป็นอารัมภบท ส่วนสำคัญมาจากคำนำของ Larry Prusak และตัวผู้เขียนเอง
สรุปได้ว่า KM เป็นเครื่องมือที่ไม่หยุดนิ่งตายตัว ต้องมีการเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์ ด้านคุณลักษณะของคนทำงาน ด้านความก้าวหน้าของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และด้านการ เปลี่ยนแปลงวิธีการบริหารงาน ให้ได้พลังนวัตกรรมจากคนทั่วทั้งองค์กร
มุมมองต่อ KM ในช่วง ๒๐ ปี เปลี่ยนแปลงไปมากมาย ในประเด็นต่อไปนี้
แนวความคิดเก่าดังกล่าวนั้น ในเวลานี้ (Prusak เขียนคำคำนี้ในปี 2010) เปลี่ยนเป็น
หัวใจของ KM คือการสถาปนาวัฒนธรรมองค์กร ที่สมาชิกสนุกและเห็นคุณค่าของการแบ่งปัน แลกเปลี่ยนความรู้ที่มีความสำคัญต่อองค์กร ที่สมาชิกทำงานและเรียนรู้เป็นทีม
KM เป็นเครื่องมือให้เกิดความร่วมมือ (collaboration) และที่สำคัญยิ่งคือ ต้องจัดให้สอดคล้องกับ ลักษณะของมนุษย์แห่งยุคสมัย ที่แตกต่างจากคนทำงานสมัยเก่า
KM เป็นเครื่องมือที่ผู้ปฏิบัติงานเป็นผู้ใช้ "คุณอำนวย" (KM Facilitator) ทำหน้าที่ KM Scaffolding คือช่วยให้ผู้ปฏิบัติงานใช้ KM ได้ง่ายขึ้น และอย่างถูกทาง
วิจารณ์ พานิช
๒๔ พ.ค. ๕๘
ไม่มีความเห็น