ครูเก่า


นับอายุราชการตัวเอง ซึ่งเริ่มเมื่อปี 2529 วันนี้ล่วงเข้า 30 ปีแล้ว วันแรกที่บรรจุเป็นครูด้วยวัย 21 ปีเศษ กว่าจะเกษียณอีกเกือบ 40 ปี เหมือนนานมากในสมัยก่อนหรือวัยหนุ่ม แต่วันนี้ความรู้สึกต่างไป "เวลารวดเร็วจริงๆ ชีวิตคนเราสั้นนัก" เพิ่งประจักษ์ก็เมื่อเข้าห้วงวัยนี้ สามในสี่ของเวลาราชการทั้งหมด กำลังจะผ่านไป หากจะกล่าว อีกหนึ่งส่วนสี่ที่เหลือ คือโค้งสุดท้าย ก็คงไม่ผิดนัก
 

แรกเริ่มเป็นครู สนใจแต่เนื้อหา ทำยังไงนักเรียนจะเข้าใจสิ่งที่เขาต้องรู้ตามหลักสูตร เพื่อนำไปสอบเรียนต่อ ไปทำงาน หรือไปประกอบอาชีพ ถ้าเข้าใจ แววตาคลายความสงสัยแล้ว นั้นแหละที่ครูอย่างเราสมัยนั้นจะรู้สึกโล่ง รู้สึกสบายใจที่ได้ทำหน้าที่ เรื่องอื่นๆแทบไม่สนใจ นอกจากใช้ชีวิต เพลิดเพลินไปกับเพื่อนใหม่ สังคมใหม่ จะว่าไปเรามิเพียงแต่รับหน้าที่ครูใหม่เท่านั้น อีกอย่างที่เรามีบทบาทไปพร้อมๆกันแบบไม่รู้ตัวก็คือ การเป็นนักเรียนใหม่ ในชุมชนใหม่ ที่เราเพิ่งเข้าไปอาศัยชายคาเขาอยู่

ภาพใหญ่การศึกษา การจัดการ หรือหน้าที่ของโรงเรียนที่มี ไม่เคยนึกถึง ไม่สนใจด้วยซ้ำว่า โรงเรียนหรือการศึกษาสำคัญ เกี่ยวข้องอย่างไรกับเราผู้ซึ่งเป็นครู หรือเกี่ยวข้องอย่างไรกับการพัฒนาคน พัฒนาชาติบ้านเมือง สนใจแค่ว่า "เป็นครูมีหน้าที่สอน สอนให้มีความรู้ ให้ฉลาด ให้เป็นคนดีเท่านั้น" ทำหน้าที่ตัวเองแค่นั้นจริงๆ

จนประสบการณ์ค่อยสั่งสม เห็นอะไรมากขึ้น ทุกวันที่โรงเรียน ภาระงานที่ได้รับมอบหมาย โดยเฉพาะงานสอน บางครั้งไหลลื่น บางครั้งติดขัด จึงเริ่มคิดเป็นด้วยเหตุผลกลใด หลายเรื่องเพราะตัวครูเอง แต่บางเรื่องน่าจะมาจากระบบ ซึ่งเสมือนแม่น้ำสายใหญ่ ทุกองคาพยพที่เกี่ยวข้องกับการจัดการศึกษาลอยเท้งเต้งอยู่ในนั้น บางขณะน้ำมากไหลเชี่ยวแรง บางครั้งน้ำน้อยไหลเอื่อยช้าขาดพลัง ทิศทางบางคราวดูสับสน ไม่รู้จะเอายังไงแน่ จนหลายคนวิพากษ์ "ดั่งพายเรือในอ่าง วนไปมา" การวัดประเมินผลในปัจจุบัน อาการจึงทรงๆทรุดๆ หลายประเทศเพื่อนบ้านแซงหน้าเราแล้ว

การเป็นครูในระยะหลัง จึงเฝ้าครุ่นคิดแต่ปัจจัยต่างๆที่เกี่ยวข้อง บางปัจจัยเอื้อหนุนให้ประสบผล บางปัจจัยฉุดรั้งให้พบแต่ความล้มเหลว บางสาเหตุปัญหาผู้มีหน้าที่รับผิดชอบเหมือนจนมุม จึงละเลยที่จะไม่พูดถึงกัน คงยากจะแก้ให้ลุล่วงได้กระมัง พร้อมเตือนตัวเอง "เราเป็นครู มีหน้าที่สอนหรือจัดการเรียนรู้ ควรทำหน้าที่ให้เต็มกำลัง เรื่องอื่นๆคิดได้ ไตร่ตรองได้ แต่ทำอะไรไม่ได้ดอก เอาเฉพาะเกิดที่เรา แก้ได้ที่เราก่อนเถิด" แต่บางห้วงก็อดแปล๊บ!ขึ้นมาไม่ได้ ฝีพายจะจ้ำจะพายเข้มแข็งสักเพียงใด ทิศทางใหม่ๆก็ยากจะเห็น ตราบที่กระแสน้ำยังไหลในทิศทางเดิม

อีกเรื่องที่สำคัญ ใครก็มักพูดถึง โดยเฉพาะรัฐบาลนี้ คอร์รัปชั่น การคดโกง ภาษีอากรหรืองบประมาณแผ่นดิน ที่ทุกคนในสังคมควรจะได้ใช้ในการพัฒนาอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย แต่ทรัพยากรเหล่านั้น บางส่วนหายไป หายไปไหน บางคนถึงกับแดกดัน บ้านเราพบเห็นความไม่ชอบมาพากลได้ในทุกหนแห่ง ความก้าวหน้าของผู้มีอำนาจ มักมาจากเส้นสาย พรรคพวก เงินทอง ความเชี่ยวชาญในเรื่องที่อยากมีหน้าที่ พิจารณากันหรือเปล่า อาจเป็นข้ออ้างให้ดูสมเหตุสมผลบ้างเท่านั้น แล้วอย่างนี้กิจการบ้านเมืองต่างๆ จะเดินหน้าสร้างความเปลี่ยนแปลงให้ทัดหน้าเทียมตาบ้านอื่นเมืองเขาได้อย่างไร?

เคยเปรยกับเพื่อนครู "ทำอย่างไรอารมณ์ความรู้สึกเรา จึงจะเหมือนกับช่วงเป็นครูใหม่ๆได้" อยากรู้อยากเห็น อยากทำ อยากลอง คิดเฉพาะเรื่องสอน ตื่นเช้ามาโรงเรียนด้วยความกระชุ่มกระชวย ทั้งที่ความเป็นอยู่ช่วงนั้นใช่จะสบาย ด้วยความยังไม่เจริญหรือกันดาร น้ำดูจะขาดแคลนเอามากๆ ทั้งที่เป็นอำเภอติดอยู่กับเขื่อน ทุกเช้าตัวเองต้องรีบตื่น เพื่อไปอาบน้ำบ่อ ซึ่งตั้งอยู่หลังอาคารเรียน ถ้าสายจะไม่ได้อาบ เพราะสายตานักเรียนที่มาถึงโรงเรียนก่อนแล้ว(ฮา)

เตรียมการสอนอย่างหนัก พรุ่งนี้จะสอนอะไร สอนอย่างไร ด้วยสื่อ ด้วยการประเมินแบบไหน จากความไม่รู้ของตัวเอง เนื่องจากที่เรียนจบมา ไม่ได้เรียนเกี่ยวกับการสอน หรือการศึกษาเลย แต่ก็สนุก อาจเพราะวัยของเรา กล้า มั่นใจ ทำทันที ทำทุกเรื่อง ที่อยากจะทำ จะว่าคิดน้อยก่อให้เกิดผลก็ใช่ แต่บางครั้งข้อเสียก็เกิด จากความบุ่มบ่าม ไร้ประสบการณ์ ตรงกันข้ามกับวันนี้เลย เหมือนกลัวไปหมด จะลงมือทำอะไรสักอย่าง คิดแล้วคิดอีก จนดูเชื่องช้าในสายตาคนอื่น เพราะความมั่นใจน้อยลง เกรงความพลั้งเผลอซึ่งอาจเกิด จึงมักเตือนตัวเองว่าต้องรอบคอบ ช้าหน่อยคงไม่เป็นไร โอกาสผิดพลาดจะได้น้อย ไม่มีสิ่งใดสมบูรณ์ดอก ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ใช่มีแต่ข้อดี ข้อเสียมักเจืออยู่ด้วยเสมอ แม้แต่ความคิด หรือการตัดสินใจของคน ซึ่งเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา


 

"ทำอย่างไรอารมณ์ความรู้สึกเรา จะกลับไปเหมือนช่วงเป็นครูใหม่" คงก้องอยู่ในห้วงคิด อยากมาโรงเรียนด้วยความกระชุ่มกระชวย อยากรู้อยากเห็น อยากทำ อยากลอง คิดเฉพาะเรื่องสอน..ถึงวันนี้แล้ว ความสุขที่โรงเรียนที่ยังมีอยู่ เป็นความสดชื่นเมื่อได้พูดคุยกับศิษย์ ผู้ล้วนแต่เป็นวัยรุ่น ช่วงวัยสดใสสุดของพวกเขา นักเรียนที่โรงเรียนเป็นวัยรุ่นเสมอ เพราะเมื่อโตขึ้น เขาก็จากเราไป พร้อมมีรุ่นใหม่เข้ามาแทนที่ในทุกปีการศึกษา วัยเขาจึงเหมือนคงที่ ขณะที่วัยเรานับวันยิ่งห่างจากเขามากขึ้นๆ

ก่อนเปิดเทอมที่ผ่านมาได้ข่าวร้ายจากศิษย์ในสื่อสังคมออนไลน์ ว่าเพื่อนรุ่นพี่คนหนึ่งที่โรงเรียนแรกเป็นครูได้เสียชีวิตลง ปีสองปีหลังมานี้ เทคโนโลยีที่เจริญก้าวหน้าทำให้เราสามารถติดต่อ ได้ไต่ถามสารทุกข์สุขดิบกัน ให้กำลังใจกัน จากโรคภัยไข้เจ็บที่เริ่มย่างกรายเข้ามา "เข้าสู่วัยเราแล้ว วัยที่ต้องเจ็บป่วย อีกไม่นานคงตายจากกัน เป็นธรรมดาของสรรพชีวิต" แกชวนให้มาเที่ยวหา ตัวเองก็ตั้งใจเช่นกันว่า จะหาโอกาสไปเยี่ยมยาม คงได้พูดคุยถึงเรื่องราวเก่าๆครั้งเป็นครูใหม่ น่าจะเป็นการชาร์จแบตเตอรี่ให้กับชีวิตครูตัวเองได้เป็นอย่างดี

การเดินทางไปเคารพศพ ในงานพระราชทานเพลิงศพ ทำให้ได้พูดคุยเรื่องเก่าครั้งเป็นครูใหม่กับเพื่อนครูรุ่นพี่คนอื่นๆอีกหลายคน ซึ่งเดินทางมาร่วมงาน เหตุการณ์อันน่าประทับใจของแต่ละคนถูกขุดคุ้ยขึ้นมาสร้างความสนุกสนานเฮฮาในวงสนทนา หลายคนยังคงปักหลักอยู่ที่เดิม หลายคนแยกย้ายไปอยู่ที่อื่น ด้วยวัยและประสบการณ์ ทุกคนต่างเจริญก้าวหน้าในตำแหน่งหน้าที่การงาน รวมถึงครอบครัว

อาศัยบรรยากาศ เรื่องราว สถานที่เก่าๆ โรงเรียนเก่า..อารมณ์ครูใหม่กลับคืนมาเยอะเลย!

(บริเวณสันเขื่อน อ.โนนสัง จ.หนองบัวลำภู : ภาพ)
 

หมายเลขบันทึก: 590419เขียนเมื่อ 21 พฤษภาคม 2015 00:24 น. ()แก้ไขเมื่อ 27 กันยายน 2021 21:34 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (10)

ครูมีหน้าที่สั่งสอนลูกศิษย์ให้เป็นคนดี

อย่าให้ระบบราชการและกาลเวลามากลืนกินสิ่งดีๆที่เราตั้งใจไว้

ผมสอนลูกศิษย์แบบนี้ครับ

พี่ครูสบายดีนะครับหายไปนานมากๆๆ

เป็นกำลังใจแด่ครูทุกท่านที่อบรมสั่งสอนเด็กให้เป็นคนดีนะครับ

...ครูที่สอนหนังสือเก่ง...กับครูที่สอนคน...แตกต่างกันนะคะ...นั่นคือปัญหาของการศึกษานะคะ

เห็นภาพค่ะ

ตาใสแจ๋ว กระตือรือร้น กับตื่นเต้นกับสิ่งที่เรียนรู้ใหม่ เป็นเชื้อเพลิงเติมพลังให้ครูอย่างดี

ทำงานไปนานๆ ได้ห็นภาพกว้าง คมและชัดขึ้น เห็นปัญหาอุปสรรคชัดเจน

ทางออกใหญ่ทำได้ยากในสังคมที่คนส่วนมากเมินเฉย ทางออกเล็กๆ ที่เป็นจริงได้ และลงมือทำจะเป็นหนทางที่ดี เพื่อเติมไฟมิให้มอด

พี่เคยอยู่ในระบบราชการ เห็นทั้งส่วนดีมากมาย ข้อจำกัดก็ไม่น้อย แต่ก็ภูมิใจมากที่ได้ทำงานเต็มกำลังตลอดมา พี่เชื่อว่าครูก็คิดเช่นนี้

ดีใจนะคะที่ได้อ่านบันทึกครูอีกครั้ง ฝากความคิดถึงทุกคนที่บ้านนะคะ

  • พยายามทำหน้าที่เราให้ดีที่สุดนะครับอาจารย์..
  • ขอบคุณอ.ขจิตมากๆครับ
  • ได้ทำหน้าที่ครู เป็นบุญแล้วครับ..
  • ขอบคุณทิมดาบครับ
  • เมื่อเป็นครูใหม่ๆ ไม่ค่อยเข้าใจเหมือนกันครับ..
  • ขอบคุณดร.พจนาครับ
  • รู้อะไรมากขึ้น บางทีไม่ดีเหมือนกันนะครับ สู้ไม่รู้อะไรเลย บางทีน่าจะดีกว่า..
  • ขอบคุณพี่Nuiมากครับ
อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท