ผมเข้าประชุมผู้บริหารสถานศึกษาที่เขตพื้นที่การศึกษาฯ รับฟังนโยบายก่อนเปิดภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๕๘ ก่อนเปิดภาคเรียนจะมีการประชุมแบบนี้ทุกครั้ง เพื่อซักซ้อมความเข้าใจให้ตรงกัน ระหว่างเขต กับโรงเรียน และ ให้ผอ.โรงเรียนนำไปถ่ายทอดให้ครูรับทราบและปฏิบัติ รวมทั้งแผนงาน/โครงการต่างๆ ที่โรงเรียนต้องดำเนินการในปีการศึกษาใหม่..
นโยบายที่ว่านี้..ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องราวที่ผอ.เขตฯไปประชุมที่ สพฐ. แล้วรับมาเข้าที่ประชุม ผอ.โรงเรียน ส่วนใหญ่..จะเป็นเรื่องเดิมๆ ที่นำมาย้ำซ้ำทวน จะมีใหม่ขึ้นมาบ้าง ก็ตรงที่ปีนี้ การเรียนการสอนทางไกล ป๑ - ป.๖ ด้วย DLTV จะมีมาตรการและจุดเน้นที่จริงจังมากขึ้น
เรื่องราวที่เรียกได้ว่า..เป็นนโยบายจากข้างบน เขียนอย่างไรก็ไม่เกิน ๑ หน้ากระดาษ เอ ๔ หรือถ้าจะสรุปก็ไม่เกิน ๓ บรรทัด เป็นเรื่องเฉพาะกิจเฉพาะกาลที่ต้นสังกัดให้ความสำคัญ และห่วงใยเป็นพิเศษ..มีดังนี้ครับ
"..โรงเรียนต้องเตรียมความพร้อม..ตารางเรียน อุปกรณ์การเรียนและหนังสือเรียน คู่มือครู ต้องมีอย่างครบครัน จัดการเรียนการสอนได้ทันที ในวันที่ ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ห้องเรียนจัดบรรยากาศให้เรียบร้อย สิ่งแวดล้อมอาคารสถานที่ ต้องสะอาด สดใส สวยงาม โดยคำนึงถึงความปลอดภัย.."
ผมให้ความสำคัญกับงานนโยบายมาโดยตลอด อย่างน้อยก็นั่งฟังทั้งวัน..จนจบและเสร็จสิ้นการประชุม จากนั้นก็นำเอกสารข้อประชุม..กลับบ้าน..แล้วก็เตรียมประชุมครู ในวาระการประชุม ผมไม่เคยใส่เรื่องราวที่เป็นนโยบายดังที่ผมกล่าวมาเลย..แต่ผมพูดเรื่องอื่น เป็นเรื่องทบทวนและ เรื่องเร่งด่วน..
เหตุผลก็คือ..เรื่องที่เขาให้ทำ ผมกับครูดำเนินการเสร็จไปตั้งแต่เดือนเมษายน และบางเรื่องต้องแล้วเสร็จในวันสองวันนี้..และ..เรื่องที่เขาสั่งให้ทำ..และย้ำว่าเป็นนโยบายนั้น เป็นเพียง บอกเล่าเก้าสิบ ที่เห็นพูดกันอยู่ทุกปี ณ ช่วงเวลาเดียวกันนี้..
ประเด็นสำคัญอยู่ที่ มันไม่ใช่เรื่องใหม่ และมันเป็นเรื่องที่เขาทำกันอยู่แล้ว ไม่มีใครไม่เคยทำที่โรงเรียน..ก่อนเปิดเทอม..เป็นเรื่องของ "สามัญสำนึก"ล้วนๆ ท่านผู้อ่าน ท่านผู้ปกครองลองคิดดู โรงเรียนเป็นองค์กร ...เป็นนิติบุคคล อยู่ในชุมชน ครูมีจรรยาบรรณและอยู่ภายใต้กฎหมายฯ ครูมีเงืนเดือน ครูมีลูกค้า (ผู้ปกครองและนักเรียน)..เปิดเรียนวันแรก..นักเรียนมาโรงเรียนอย่างใสสะอาด ผู้ปกครองมาส่งลูกชั้นอนุบาล..แล้วโรงเรียนส่วนใหญ่ จะไม่มีสามัญสำนึก...ในการเตรียมโรงเรียนและครู..ให้มีความพร้อมสูงสุด..เชียวหรือ...น่าคิดนะครับ
ยิ่งไปกว่านั้น..นโยบายใหม่ เกี่ยวกับการเรียนการสอนทางไกลผ่านดาวเทียม(ครูตู้) ที่สพฐ.จะให้ชั้น ป.๑ - ป.๓ เรียน ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ เพิ่มพิเศษภาษาไทย ให้เรียนวันละ ๒ ชั่วโมง..ก็ว่ากันไป
ชั้น ป.๔ - ป.๖ ก็ให้เรียน ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ ครูประจำชั้น จัดกิจกรรมไปกับครูตู้ นิเทศกำกับติดตามดูแลนักเรียนอย่างใกล้ชิดและจริงจัง...ตรงนี้..นโยบายไม่ปลายเปิดเลย ไม่บอกให้ครูปรับเปลี่ยนได้ ให้ยืดหยุ่นได้ตามบริบทและสถานการณ์จริง
ท่านผู้อ่านที่เคารพครับ โรงเรียนขนาดเล็กมีเด็กตั้งแต่ ๒๐ - ๑๑๙ คน เรียกว่าเล็ก บางโรงมีครูเพียง ๒ - ๓ คน อันนี้วิกฤตแน่ อย่างไรก็ต้องใช้ครูตู้ อยู่กับครูตู้ทั้งวันอย่างแน่นอน ...แต่มีบางโรงที่เล็กแต่มีเด็กเป็น ๑๐๐ ครูครบชั้น บางชั้นมีครูวิชาเอกที่เก่ง วิทย์ คณิต อังกฤษ...ถามว่าคุณจะไปบอกเขาทำไม..ให้ใช้ครูตู้เต็มพิกัด ทำไมไม่ให้เขาใช้เป็นสื่อ เครื่องมือเสริมต่อ..บางช่วงบางตอนที่เขาสอนไม่ถนัด..น่าคิด...นะครับ..
ผมถึงบอกว่า..ถ้าคนคิดนโยบายไม่ใช้สามัญสำนึก..ครูอย่างเราในระดับรากหญ้า ต้องใช้สามัญสำนึก จึงจะไม่อึดอัด ทำงานได้อย่างคล่องตัว นำมาซึ่งคุณภาพและประสบความสำเร็จได้..มีใครเห็นเหมือนผมบ้างครับ
ชยันต์ เพชรศรีจันทร์
๑๓ พฤษภาคม ๒๕๕๘
</span></strong>
นอกจาก " ครูตู้..ออนแอร์.." แล้วยังมี " ครูจอ ออนไลน์"
กำหนดเริ่ม ๑๘ พ.ค.นี้แล้วนะจีะ โรงเรียนขนาดเล็ก คงวุ่นอีกแล้ว
เห็นใจนะจีะ.แล้วจะเรียนกันยังไงเนี่ยะ
...โรงเรียนขนาดเล็ก โดยเฉพาะคุณครู ภาษาไทย ป.๓
คงได้ยลโฉมอัน " งด...งาม " ของคุณมะเดื่อแน่ ๆ จ้ะ
หมายเหตุ....งด...งาม แปลว่า " ความงาม..ถูก...งด ....
ไปหมดแล้วจ้าา" ๕๕๕๕