ปัจจุบันประชากรผู้สูงอายุเริ่มมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ในอนาคตประเทศเราจะกลายเป็นสังคมผู้สูงอายุ ดังนั้นทุกคนจำเป็นจะต้องรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงเมื่อเข้าสู่วัยสูงอายุของแต่ละคน ว่ามีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร และมีปัจจัยใดบ้างที่เกี่ยวข้อง วันนี้จึงของนำเสนอตัวอย่างผู้สูงอายุที่ถือว่ามีความประสบความสำเร็จในชีวิต สุขทั้งกายสุขทั้งใจ ว่ากว่าเขาจะมาถึงวันนี้เขาผ่านอะไรมาบ้าง แล้วมีปัจจัยใดที่ทำให้เขามีชีวิตอย่างทุกวันนี้
ประวัติทั่วไป
ชื่อ นางมาลี เกษมชาญ เกิดปี 2489 อายุ 71 ปี
พ่อ แม่ เสียชีวิตแล้ว เป็นบุตรคนที่ 1 มีน้องชาย 5 คน น้องสาว 3คน
สถาณภาพ เป็นหม้าย (สามีเสียชีวิต) มีบุตรชาย 1 คน อายุ 38 ปี
ที่อยู่ 32/66 ซอยจอมทอง10 ถนนจอมทอง กทม.
คุณยายมาลี เกิดที่ซัวเถา ประเทศจีน มีชื่อจีนว่า " หมุยเอ็ง" เป็นพี่คนโต มีน้องชาย 5คน และน้องสาว 3คน เมื่อคุณยายอายุได้ 9 ปี ครอบครัวก็ได้อพยพเข้ามาอยู่เมืองไทย คุณยายเล่าว่า ช่วงนั้นมีโจรขโมยชุกชุมมาก ที่เรียกกันว่า "อั้งยี่" ซึ่งบ้านคุณยายก็โดนโจรขึ้นบ้าน ทำให้ต้องย้ายที่อยู่ไปหลายหลักแหล่ง ก่อนที่คุณยายจะมีชีวิตอย่างทุกวันนี้ อดีตจะต้องผ่านอุปสรรคมามากมาย
ด้วยความที่คุณยายเป็นพี่คนโตจึงไม่ได้เรียนหนังสือ ต้องมาทำงานช่วยหาเงินเพื่อมาดูแล ส่งน้องๆเรียน คุณยายได้ผ่านการทำงานมาแล้วหลายอย่าง เริ่มแรกเลยก็ช่วยแม่ซึ่งทำอาชีพทอผ้า ต่อมารายได้ไม่ค่อยจะสู้ดีนัก จึงไปรับจ้างขัดหินอ่อน ซึ่งต้องใช้กำลังแขนเยอะมาก ต้องขัดจนขึ้นลายหิน ขัดด้วยมือตัวเองไม่มีเครืองทุ่นแรงหรือเครื่องจักรเหมือนในปัจจุบัน ตอนนั้นได้ค่าจ้างเพียงวันละ 10บาท เมื่ออายุได้ 35 ปี คุณยายก็แต่งงานกับคนจีน และย้ายไปอยู่ด้วยกันที่ฮ่องกง และมีลูกชาย 1 คน จากนั้นไม่กี่ปี สามีก็ป่วยเป็นมะเร็งจนเสียชีวิต คุณยายจึงขายบ้านที่ตนอยู่และพาลูกย้ายกลับมาอยู่ที่ประเทศไทยกับพ่อแม่และพี่น้องคนอื่นๆ จากนั้นก็ส่งลูกเรียนจนจบปริญญาตรีด้วยเงินเก็บจากการทำงานของคุณยายเอง
ภาพถ่ายครอบครัวของคุณยาย
ในปัจจุบัน คุณยายได้ย้ายออกมาอยู่บ้านกับลูกชายเพียงสองคน ถึงแม้คุณยายจะอายุ 71 ปีแล้ว แต่คุณยายก็ สามารถทำกิจกรรมการดำเนินชีวิตได้ด้วยตนเองอย่างอิสระ สามารถเดินเหินไปไหนมาไหนได้ตามต้องการ หรือแม้กระทั่งจะเดินทางโดยรถโดยสารประจำทางก็ไม่มีหลงทาง ในแต่ละวัน คุณยายจะตื่นมาทำกิจกรรมการดูแลตนเอง (อาบน้ำ แปรงฟัน แต่งตัว)ได้ด้วยตนเอง และจะมาเตรียมกับข้าวให้กับลูก หลังจากนั้นก็จะสวดมนต์พระญี่ปุ่นที่ตนนับถือมาตั้งแต่สมัยสาวๆ ซึ่งสวดทุกวันเช้าเย็น ระหว่างวันคุณยายก็จะอยู่บ้านทำงานบ้าน ดูโทรทัศน์ บางวันก็จะออกไปสวดมนต์ร่วมกับเพื่อนบ้านคนอื่น และในช่วงเย็นก็จะไปออกกำลังกายเต้นแอโรบิคที่สนามกีฬาของชุมชน คุณยายเป็นคนชอบท่องเที่ยว ในทุกเดือนคุณยายจะมีนัดไปเที่ยวต่างจังหวัดกับญาติๆหรือเพื่อนๆ ทำให้คุณยายเป็นคนอารมณ์ดี จิตใจแจ่มใส ซึ่งเป็นไปตามทฤษฎีกิจกรรม [Activity Theory] ที่บอกว่า บุคคลที่มีการทำกิจกรรมมาเรื่อยๆอย่างสม่ำเสมอ ก็จะทำให้สามารถปรับตัวได้ดี ทั้งร่างกาย จิตใจ และสังคม สามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข
สำหรับประวัติด้านการรักษาทางการแพทย์ คุณยายเคยรับการผ่าตัดต้อกระจกตั้งแต่ 5 ปีที่แล้ว จนตอนนี้ก็หายเป็นปกติดี แต่เมื่อออกไปนอกบ้านจะต้องสวมแว่นดำเพื่อป้องกันไม่ให้แสงแยงตามากไป
คุณยายมีโรคประจำตัว คือ โรคเบาหวาน และความดันสูง ทุกวันนี้จะรับประทานยาตามที่หมอสั่งและไปหาหมอตามนัด รวมถึงไปตรวจสุขภาพประจำทุกปี
การประเมินด้านการเคลื่อนไหวของรยางค์ส่วนบน ที่ข้อไหล่ ข้อศอก ข้อมือ และนิ้ว พบว่า คุณยายมีช่วงการเคลื่อนไหวที่ปกติ ไม่มีข้อติดใดๆ ส่วนด้านความแข็งแรงของกล้ามเนื้อก็อยู่ในระดับปกติเช่นกัน
ความต้องการในปัจจุบันของคุณยายคือต้องการให้ลูกชายคนเดียวแต่งงานมีครอบครัวเป็นของตัวเอง เพื่อที่ว่าตอนคุณยายไม่อยู่แล้วจะได้มีคนมาดูแล และความต้องการอีกอย่างคือ อยากจะกลับไปประเทศฮ่องกงเพื่อไปไหว้หลุมศพของสามี
จากการสัมภาษณ์คุณยายมาลีท่านนี้ก็ได้สรุปวิเคราะห์ปัจจัยต่างๆที่ส่งผลต่อผู้สุงอายุท่านนี้ได้ว่า
ทฤษฎีที่อธิบายการเปลี่ยนแปลงของผู้สูงอายุท่านนี้ คือ
อ้างอิงตามกรอบทางกิจกรรมบำบัด Person Environment Occupation Performance Model [PEOP] ได้ดังนี้
P=Person
E = Environment
O = Occupation
P = Performance
ไม่มีความเห็น