ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจโลก

ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจโลก

เขียนบนมีนาคม 14, 2013

ระบบเศรษฐกิจโลกในปัจจุบันทั้งระบบการเงินและการลงทุนเป็นระบบเสรีที่เชื่อมโยงกันทั้งหมด ดังนั้นเมื่อเกิดวิกฤตเศรษฐกิจขึ้น ณ ประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงเกิดผลกระทบต่อเนื่องถึงประเทศอื่นในภูมิภาคหรือกลายเป็นปัญหาลุกลามไปทั่วโลก

ตั้งแต่ปลายคริสต์ศตวรรษที่ 20 ต่อเนื่องถึงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 21 เศรษฐกิจโลกได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจในภูมิภาคต่างๆ ที่ส่งผลกระทบถึงภูมิภาคอื่นๆ เช่น วิกฤตเศรษฐกิจเอเชียที่เริ่มขึ้นในประเทศไทย เมื่อ ค.ศ.1997 และลุกลามไปทั่วภูมิภาค ประเทศที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงคือกลุ่มประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเกาหลีใต้ นอกจากนี้ยังลุกลามไปกระทบประเทศรัสเซียและภูมิภาคละตินอเมริกา ซึ่งเกิดวิกฤตเศรษฐกิจที่ประเทศอาร์เจนตินาใน ค.ศ. 2001 และลุกลามไปทั่วภูมิภาค

เป็นที่น่าสังเกตว่า แม้วิกฤตเศรษฐกิจในทวีปเอเชียและลาตินอเมริกาจะมีความรุนแรงและลุกลามอย่างกว้างขวาง แต่ก็ไม่ได้กระทบต่อเศรษฐกิจของยุโรป สหรัฐอเมริกา และจีนอย่างรุนแรง เนื่องจากประเทศเหล่านั้นมีโครงสร้างทางเศรษฐกิจที่มั่นคงและมีอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจสูงมาก อย่างไรก็ตามตั้งแต่ ค.ศ. 2008 เป็นต้นมา ได้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจขึ้นในสหรัฐอเมริกาที่ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงและลุกลามไปทั่วโลก เนื่องจากสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่มีความเจริญก้าวหน้าทางเศรษฐกิจมากที่สุดในโลกและเป็นผู้นำเข้าสินค้าจากประเทศต่างๆ มากที่สุดในโลก ดังนั้นเมื่อสหรัฐอเมริกาประสบปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ จึงทำให้ประเทศต่างๆ ทั่วโลกได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา ทั้งด้านการเงิน การลงทุนและการส่งออกสินค้าไปยังตลาดสหรัฐอเมริกา

วิกฤตเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาเริ่มส่งสัญญาณ ตั้งแต่ ค.ศ. 2007 เมื่อสถาบันการเงินของสหรัฐอเมริกาประสบปัญหาวิกฤตสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ด้อยคุณภาพ (Subprime Lending) ซึ่งเป็นผลมาจากการปล่อยสินเชื่อด้านอสังหาริมทรัพย์และสินค้าอื่นๆ ให้กับผู้กู้โดยไม่จำกัดขอบเขตทำให้มีลูกหนี้ด้อยคุณภาพจำนวนมาก ใน ค.ศ. 2007 ลูกหนี้ส่วนใหญ่ต้องถูกยึดบ้านและทรัพย์สินเนื่องจากไม่สามารถผ่อนคืนเงินกู้ให้กับสถาบันการเงินได้ และส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ สถาบันการเงิน และอุตสาหกรรมต่างๆ ในสหรัฐอเมริกาที่ต้องปิดตัวลง จนทำให้มีคนตกงานจำนวนมาก

ใน ค.ศ. 2008 วิกฤตเศรษฐกิจในสหรัฐอเมริกาได้ทวีความรุนแรงและส่งผลกระทบไทั่วประเทศ และยังขยายไปทั่วโลก โดยเฉพาะสถาบันทางการเงินในยุโรปได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง รวมทั้งราคาน้ำมันในตลาดโลกก็ตกต่ำอย่างรวดเร็วเนื่องจากสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นประเทศที่บริโภคน้ำมันปิโตรเลียมมากเป็นอันดับหนึ่งในโลกลดการใช้น้ำมันจำนวนมาก ใน ค.ศ. 2009 วิกฤตเศรษฐกิจได้ขยายไปทั่วโลกอย่างรุนแรง ประเทศต่างๆ ล้วนได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจครั้งนี้ แม้กระทั่งประเทศจีนที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงต่อเนื่องมาตลอดตั้งแต่ปลายคริสต์ศตวรรษที่ 20 ก็ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจครั้งนี้เช่นกัน

ในการแก้ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจโลกครั้งนี้รัฐบาลของประเทศส่วนใหญ่ซึ่งรวมทั้งประเทศไทยใช้วิธีการทุ่มงบประมาณจำนวนมหาศาลเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศให้มีการเคลื่อนไหว สหรัฐอเมริกาและประเทศในยุโรปยังต้องอนุมัติงบประมาณจำนวนมากเพื่อช่วยพยุงสถานะของบริษัทเอกชนขนาดใหญ่ เช่น บริษัทประกันชีวิต และอุตสาหกรรมรถยนต์ ไม่ให้ล้มละลาย เพราะเกรงว่าจะก่อให้เกิดผลกระทบอย่างรุนแรงต่อคนส่วนใหญ่ของประเทศ จึงเห็นได้ว่าการฟันฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจโลกไม่ใช่ปัญหาที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องรับผิดชอบแก้ไข แต่เป็นปัญหาที่ทุกคนในสังคมจะต้องร่วมมือกันทั้งรัฐบาล ธุรกิจเอกชนและประชาชนจะต้องร่วมมือกันฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศให้อยู่รอดต่อไป

https://metricsyst.wordpress.com