659. เรียนรู้เรื่องจิตวิทยาบวก Character Strengths จากหนังเรื่อง The Age of Adaline


เมื่อวานก่อนได้ไปดูหนังเรื่อง The Age of Adaline หยุดเวลา รอปาฏิหาริย์รัก ... จริงๆไม่ได้อยากไปดู แต่เนื่องจากดูจนหมดไม่มีอะไรจะดู นักดูหนังอย่างผมเลยลองดูเรื่องนี้... OMG ไม่ธรรมดาครับ ผมต้องบอกเลยว่าเป็นหนังที่บทดีมากๆ เรียกว่าดูซ้ำได้ไม่เบื่อ หนังเป็นเรื่องราวของผู้หญิงที่เกิดความผิดปรกติ คือไม่แก่ อายุหยุดอยู่ที่ 29 ซึ่งตอนแรกก็ดูดี แต่ตอนหลังเมื่อไม่แก่สักทีนี่ คนกลับไม่เชื่อว่าเธอคือเธอจริงๆ เธอเริ่มถูกตำรวจตามจับ หาว่าเป็นตัวปลอม และนี่ครับเป็นจุดเริ่มต้นของการหนี หนีมา 60-70 ปี เธอต้องย้ายที่อยู่ทุกสิบปี มีความรักก็ไม่ได้ และแน่นอนที่สุดเธอก็ได้เจอรักแท้ แต่แน่นอนเธอเจออุปสรรคมากมาย และเนื่องจากไม่อยาก Spoil หนัง ผมเลยอยากให้คุณไปดูครับ

ผมดูเรื่องนี้แล้วผมเห็นความมหัศจรรย์อยู่หนึ่งเรื่อง ผมเห็นความเชื่อมโยงของพฤติกรรมหลักของอดาไลน์ นางเอกกับจิตวิทยาบวก (Positive Psychology) เธอพูดได้หลายภาษา ฉลาดทันโลก ที่สำคัญเธอเป็นนักอ่าน นักเรียนรู้ครับ ซึ่งถ้าจำแนกบุคลิกของเธอออกมาตามหลัก VIA (การประเมินจุดแข็งของมนุษย์) จะเห็นว่าเธอมีจุดแข็งที่เห็นได้ชัดมากๆ คือ Love of Learning (ความรักในการเรียนรู้) ครับ ผมว่าถ้าเธอมีตัวตนจริงๆ การศึกษาหาความรู้ใหม่ๆ น่าจะเป็นสิ่งที่หล่อเลี้ยงให้เธอมีความสุข กับชีวิตที่ดูหดหู่ ในหนังตอนพระเอกไปเจอเธอ เธอกำลังนั่งศึกษาอักษรเบรลอยู่

ก่อนจะพูดถึง Love of Learning ผมขอพูดถึง VIA (Value in Action) นิดๆ ...การประเมินบุคลิกภาพแบบนี้คิดโดยผู้ก่อตั้งสาขาวิชา Positive Psychology ซึ่งคือ Martin Saligman และ อีกท่าน Christopher Peterson สองท่านนี้ตั้งข้อสังเกตว่า การประเมินบุคลิกภาพทางจิตวิทยาในยุคน้ัน ส่วนใหญ่จะประเมินเพื่อหาคนว่ามีปัญหาตรงไหน คือหาจุดอ่อน ไม่มีการประเมินจุดแข็งของมนุษย์ อาจารย์สองท่านเชื่อว่าหากคนเราค้นพบจุดแข็งของตน ก็จะสามารถต่อยอด สร้างสรรค์ชีวิตได้ง่ายกว่า เท่าที่ดูอาจารย์ศึกษาและถอดบุคลิกคนออกมาถึง 24 แบบ และจากการดูตำราต้นฉบับของท่าน คุณจะเห็นการศึกษาอย่างเป็นระบบ เรียกว่าศึกษาลึกมากๆจากทุกงานวิจัยที่เห็นในโลก

ความรักในการเรียนรู้ (Love of Learning) เป็นจุดแข็งอย่างหนึ่งของมนุษย์ครับ ผมเองเคยประเมินจุดแข็งของผมเอง จุดแข็งหลักๆ ตามแนว VIA ที่เรียกว่าว่า Signature Strength ของผมก็คือ Love of Learning เช่นกัน คุณจะเห็นว่าความรู้ช่วยให้นางเอก มีชีวิตชีวา สามารถใช้ชีวิตได้อย่างเท่าทัน มีเสน่ห์


ลักษณะของคนมี Love of Learning ในสาขาใดก็ตาม เป็นสิ่งที่ครูและพ่อแม่ทุกคนอยากให้มี (ผมว่าในองค์กรก็อยากให้พนักงานมีในอาชีพครับ) คนที่รักการเรียนรู้ เขาจะบอกว่า เขามีประสบการณ์ด้านบวกต่อความรู้สาขาใดสาขาหนึ่ง ที่สำคัญเขาทำงานหนักเพื่อยกระดับความรู้ของเขา แต่คนกลุ่มนี้จะรู้สึกว่าสิ่งที่ทำนั้นดูหนักก็จริง แต่เขารู้สึกว่าไม่หนักเลย นอกจากจะมีความรู้สึกด้านบวกแล้ว พวกเขายังสามารถที่จะเชื่อมโยง และสร้างสรรค์กลยุทธ์การเรียนรู้ของเขาขึ้นมาได้เองครับ เขาจะรู้สึกได้ถึงความท้าทาย จะมองเห็นโอกาสของความเป็นไปได้ ในอีกมุมอธิบายได้ด้วย "อิทธิบาท 4" ครับ ชัดเลยต้องฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา ชัดมาก

ผมว่า Love of Learning สอดคล้องกับอิทธิบาทสี่อย่างน่าประหลาด

อิทธิบาทสี่ ตามพจนานุกรมพุทธศาสตร์ ให้คำอธิบายไว้ดังนี้ครับ

"อิทธิบาท 4 (คุณเครื่องให้ถึงความสำเร็จ, คุณธรรมที่นำไปสู่ความสำเร็จแห่งผลที่มุ่งหมาย - path of accomplishment; basis for success)

1. ฉันทะ (ความพอใจ คือ ความต้องการที่จะทำ ใฝ่ใจรักจะทำสิ่งนั้นอยู่เสมอ และปรารถนาจะทำให้ได้ผลดียิ่งๆ ขึ้นไป - will; aspiration)

2. วิริยะ (ความเพียร คือ ขยันหมั่นประกอบสิ่งนั้นด้วยความพยายาม เข้มแข็ง อดทน เอาธุระไม่ท้อถอย - energy; effort; exertion)

3. จิตตะ (ความคิด คือ ตั้งจิตรับรู้ในสิ่งที่ทำและสิ่งนั้นด้วยความคิด เอาจิตฝักใฝ่ไม่ปล่อยใจให้ฟุ้งซ่านเลื่อนลอยไป - thoughtfulness; active thought)

4. วิมังสา (ความไตร่ตรอง หรือ ทดลอง คือ หมั่นใช้ปัญญาพิจารณาใคร่ครวญตรวจตราหาเหตุผลและตรวจสอบข้อยิ่งหย่อนในสิ่งที่ทำนั้น มีการวางแผน วัดผล คิดค้นวิธีแก้ไขปรับปรุง เป็นต้น - investigation; examination; reasoning; testing)

น่าสนใจมากๆ คุณธรรมนี้เป็นเครื่องนำเราไปสู่ความสำเร็จ ชัดๆ เราจึงเห็นนางเอกนั้นเก่งมากๆ การมี Love of learning ของนางเอกทำให้เธอประสบความสำเร็จในชีวิต ทั้งๆที่อยู่ในภาวะที่จำกัดจำเขี่ยอย่างที่สุด

น่าสนใจที่เราจะพัฒนา Love of Learning ขึ้นในชีวิต ผมเองมีตัวนี้เต็มๆ ผมมีทัศนคติที่ดีกับการเรียนรู้มากๆ อ่านหนังสือบ่อยๆ และพยายามเชื่อมโยงกับชีวิตจริงๆ รวมทั้งเมื่อสนใจอะไรแล้วจะพัฒนาระบบการเรียนรู้ขึ้นมาได้ด้วยตัวเอง ทำให้ผมได้สนุกกับการเรียนรู้ในเรื่องบางเรื่องตลอดชีวิต

ถามว่าแล้วเราจะเอาเรื่องนี้มาพัฒนาคน พัฒนาองค์กรได้อย่างเป็นรูปธรรม ได้อย่างไร ตามประสบการณ์ของผม ผมมีโอกาสพัฒนาผู้ประกอบการจริงๆ ตัวเป็นๆ ที่เริ่มจากศูนย์เลยมาหลายคน ตรงนี้เราใช้ Appreciative Evaluation ครับ หรือการประเมินเชิงบวก เช่นมีรายหนึ่งชื่ออาจารย์อัลม่อน ซึ่งปัจจุบันเป็นนักคิด นักเขียน และที่ปรึกษาด้าน OD ชื่อดัง ..สมัยเรียนหนังสือกับผมเมื่อหลายปีก่อน อาจารย์อัลม่อนนเป็นนักศึกษา MBA ที่กระตือรอร้นมากคนหนึ่งของผม อาจารย์อัลม่อนสนใจทำงานวิจัย ด้าน Appreciative Inquiry (AI) กับผม ผมก็สอนอาจารย์อัลม่อนไปหลายๆเรื่อง ที่สุดผมก็ถามอาจารย์อัลม่อนว่า "ที่ผมสอนๆมานี่ อัลม่อนชอบเรื่องไหนสุด" นี่ไงครับผมเริ่มกระบวนการ Love of Learning แล้ว ผมถามถึงประสบการณ์ด้านบวกของลูกศิษย์ อาจารย์อัลม่อนตอบว่า "ผมชอบการ Consulting แบบที่อาจารย์ทำอยู่" กลายเป็นอาจารย์อัลม่อนชอบกระบวนการ และอาชีพที่ผมทำอยู่ นั่นคือการเป็นที่ปรึกษาการพัฒนาองค์กร (OD Consultant)

ผมก็เลยบอกลูกศิษย์ไปเลยว่า "งั้นก็ทำเรื่องนี้" แต่เงื่อนไขของการทำวิจัยแนวผม คือต้องทำจริง "ทำไมคุณไม่ตั้งบริษัทเลยล่ะ" ที่สุดอาจารย์อัลม่อนตั้งบริษัทจริงๆ ผมก็เริ่มถ่ายทอด เริ่มแนะนำโอกาสให้ อาจารย์อัลม่อนก็เริ่มตั้งตัว พอจุดประกายได้ เขาก็เชื่อมโยงของเขา เริ่มเห็นโอกาสขึ้นเรื่อยๆ ความรู้ก็มากขึ้นมากขึ้น ผมเห็นอาจารย์อัลม่อนเขาออกแบบกระบวนการการเรียนรู้ของเขา ที่นำมาสู่การสร้างเครือข่ายกับวิทยากร/ที่ปรึกษาคนอื่นๆ ตอนนี้จบมาหลายปี กระบวนการการเรียนรู้ของม่อน หรือที่ตอนหลังใครๆก็เรียกเขาว่าอาจารย์อัลม่อน อาจารย์อัลม่อนเติบโตในอาชีพอย่างมั่นคง ตอนนี้มีหนังสือวางขายที่ SE-ED นายอินทร์

ผมมองว่าตามประสบการณ์ของผม ขอให้เริ่มจากการค้นความชอบเถอะ จากนั้นเราสนับสนุนลูกศิษย์เรื่องข้อมูล ช่วยระยะต้น เท่านี้ก็กระตุ้นต่อมการเรียนรู้ไม่หยุดแล้วครับ Love of Learning ของเขาจะทำให้เขาค้นพบอิทธิบาทสี่โดยธรรมชาติ และสิ่งนั้นจะเกื้อหนุนให้เขาไปได้ไกลเลย

สรุปแล้ว Love of Learning เป็นจุดแข็งหนึ่งชนิดของมนุษย์ ที่จริงแล้วอาจพัฒนาขึ้นมาได้ ถ้ายังไม่มีก็ลองเริ่มหาอะไรที่คุณชอบ ผมเองผมช่วยลูกศิษย์ค้นหา จากนั้นเมื่อเจอมันจะทำคุณได้เชื่อมโยงสิ่งที่ชอบเข้ากับชีวิตจริงได้ดี คุณจะสนใจมันอย่างไม่มีวันเหนื่อย คุณจะปรับปรุงวิธีการเรียนรู้ของคุณไปเรื่อยๆ ซึ่งก็ตรงกับอิทธิบาท 4 คุณธรรมที่จะทำให้คุณประสบความสำเร็จ ผมเห็นมามากทั้งในหนังและชีวิตจริงครับ

ด้วย Love of Learning คุณไม่ต้องหยุดเวลารอปาฏิหาริย์อะไรทั้งสิ้นครับ เพราะคุณจะได้สร้างปาฏิหาริย์ให้ชีวิตคุณเอง ไม่ต้องรอใคร

วันนี้พอเท่านี้ เพียงเล่าให้ฟัง ลองเอาไปพิจารณาดูนะครับ

Reference: http://www.viacharacter.org/www/About-Institute/Ch...


หมายเหตุ: ตอนนี้อาจารย์อัลม่อน ได้นำเสนอหลักสูตรที่น่าสนใจไว้ที่นี่ครับ



หมายเลขบันทึก: 589352เขียนเมื่อ 26 เมษายน 2015 08:41 น. ()แก้ไขเมื่อ 26 เมษายน 2015 21:48 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท