วันที่ ๑๓ มกราคม ๒๕๕๘ เป็นครั้งที่ ๓ ของการจัดการเรียนการสอนรายวิชามนุษย์กับการเรียนรู้ บันทึกการสอนนี้อาจจะมีประโยชน์สำหรับนิสิตที่ว่างๆ เข้ามาอ่าน ข้อความข้อเขียนอาจนำความคิดกิจกรรมการเรียนรู้ในชั้นเรียน กลับมาเข้ามาในวิถีคิด เกิดกระบวนการเรียนรู้ซ้ำอีกครั้งได้
สืบเนื่อง : หยิบยกประเด็นให้เห็นและเรียนรู้ด้วยตนเอง
การเรียนครั้งที่แล้ว เราสำรวจว่า ปัจจัยอะไรที่ทำให้ชีวิตมีความสุข โดยใช้วิธีการวาดรูป แล้วสำรวจความคิดเห็นต่อความจำเป็นต่อชีวิตที่มีความสุข ด้วยการกากบาททับทิ้ง สรุปข้อมูลทั้งหมดได้ดังตารางนี้
ปัจจัยที่ทำให้มีความสุข
|
จำเป็นมาก |
จำเป็นปลานกลาง |
ไม่จำเป็น |
รวม |
ครอบครัวที่ดี |
๔๑ |
๑๐ |
๕ |
๕๖ |
มีเพื่อนที่ดี |
๓๑ |
๒๓ |
๔ |
๕๘ |
มีงานทำที่ดี |
๓๕ |
๗ |
๗ |
๔๙ |
เรียนจบ |
๓๓ |
๑๑ |
๒ |
๔๖ |
มีเงินเยอะๆ |
๓๒ |
๑๑ |
๒๓ |
๖๖ |
มีบ้าน |
๓๒ |
๑๔ |
๒๔ |
๗๐ |
พ่อแม่สบาย ภูมิใจ |
๑๗ |
๘ |
๒๕ |
|
มียารักษาโรค
ไม่เจ็บป่วย
|
๑๗ |
๕ |
๕ |
๒๗ |
มีคนรักที่ดี, ความรัก |
๑๓ |
๑๕ |
๑๘ |
๔๖ |
มีรถ |
๑๖ |
๑๑ |
๓๕ |
๖๒ |
มีครูอาจารย์ที่ดี
การศึกษาดี
|
๙ |
๖ |
๕ |
๒๐ |
มีธุรกิจส่วนตัว |
๕ |
๔ |
๒๙ |
๓๘ |
มีญาติพี่น้องที่ดี |
๗ |
๙ |
๑ |
๑๗ |
ทำสิ่งที่ตนเองชอบ |
๓ |
๑ |
๑๓ |
๑๗ |
ดนตรี เสียงเพลง |
๓ |
๙ |
๑๑ |
๒๓ |
มีชาติ มีประเทศอยู่ สังคมที่ดี |
๒ |
๑ |
๓ |
|
เที่ยวในประเทศ |
๓ |
๙ |
๒๒ |
๓๔ |
กินอาหารดีๆ อร่อยๆ |
๑๑ |
๕ |
๑๔ |
๓๐ |
เทคโนโลยีสารสนเทศ |
๕ |
๗ |
๑๖ |
๒๘ |
ได้เป็นครู |
๔ |
๓ |
๗ |
|
ศาสนา ที่พึ่งทางใจ |
๒ |
๒ |
๒ |
๖ |
แต่งตัวสวยๆ มีเครื่องแต่งกายสวย |
๔ |
๑ |
๑๖ |
๒๑ |
มีพระมหากษัตรย์ |
๑ |
๑ |
||
ทำบุญ
เห็นคนรอบข้างมีความสุข
|
๓ |
๒ |
๕ |
|
เป็นตัวของตัวเอง พึ่งพาตนเองได้ |
๑ |
๑ |
||
เกรด A |
๒ |
๗ |
๗ |
๑๖ |
อยู่กับธรรมชาติที่สวยงาม |
๓ |
๖ |
๗ |
๑๖ |
ร้องเท้า เสื้อผ้า
ของใช้
|
๒ |
๘ |
๑๐ |
|
สวย หล่อ ผอม |
๓ |
๓ |
๑๑ |
๑๗ |
ที่ดิน ที่อยู่ |
๕ |
๓ |
๘ |
๑๖ |
สังสรรค์กับเพื่อน |
๒ |
๑ |
๓ |
|
มีลูกที่ดี |
๑ |
๑ |
๒ |
|
มีสระว่ายน้ำ |
๑ |
๑ |
๒ |
|
ได้ออกกำลังกาย |
๑ |
๑ |
๒ |
|
เครื่องอำนวยความสะดวก |
๑ |
๑ |
๒ |
|
ได้เป็นทหาร |
๑ |
๑ |
||
ตั้งใจเรียน |
๑ |
๑ |
๑ |
๓ |
ส่งเสียน้องเรียนต่อ |
๒ |
๒ |
||
เที่ยวต่างประเทศ |
๑ |
๒ |
๑๙ |
๒๒ |
ได้ทำตามใจตัวเอง อิสระ |
๖ |
๖ |
||
ช๊อปปิ้ง |
๑ |
๓ |
๔ |
|
ดูหนัง เล่นเกม |
๑ |
๓ |
๔ |
|
เที่ยวตะวันแดง |
๒ |
๒ |
||
มีคนรับใช้ |
๓ |
๓ |
||
เครื่องบินส่วนตัว |
๒ |
๒ |
||
ถูกล็อตเตอรี่ |
๑ |
๑ |
||
ศิลปะ |
๑ |
๑ |
จากตารางเราจะสังเกตข้อสังเกตที่น่าสนใจหลายๆ อย่าง ทั้งที่บางอันเกิดคำถามว่า "ไช่เหรอ?" ในใจของเรา บางข้อน่าจะสะท้อนความคิดของวัยรุ่นสมัยนี้ได้อย่างน่าสนใจยิ่ง เช่น
ผมมอบการบ้านให้นิสิตไปเขียนตีความในมุมมองของตนเองแบบนี้บ้าง บันทึกถัดไป จะนำตัวอย่างของงานนิสิตมาเล่าให้ฟังต่อ....
เตรียมความพร้อม "เตรียมภาชนะ"
ความรู้และทักษะที่สำคัญต่อการเรียนรู้เรื่อง "มณฑลแห่งพลัง" คือ สติ สมาธิ และหลักการสังเกตตนเอง ผมจึงนำเอาคลิปวีดีโอของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชโช ที่ท่านเคยมาแสดงธรรมเทศนาที่มหาวิทยาลัยมหาสารคาม มาเป็นสื่อสำหรับเตรียมความพร้อมให้นิสิต โดยมอบหมายให้นิสิตไปฟังเป็นการบ้านและเขียนเรียงความสะท้อนความเข้าใจจากการฟังลงในสมุดอนุทินตั้งแต่วันอังคารที่แล้ว
ถ้านิสิตตั้งใจฟังให้ดี หรือฟังคลิปนี้หลายๆ รอบ จะ "จับหลัก" ในการสังเกตตนเองได้ว่า สตินั้นแบ่งได้เป็น ๒ แบบ แบบแรกคือ "สติทั่วไป" ที่ใช้ในการทำงาน ในการทำสิ่งใดๆ เป็น "สติ" เดียวกันกับสติที่แมวตอนที่มันวิ่งจับหนู แบบที่สองคือ "สติรู้กายรู้ใจตนเอง" สติแบบนี้สัตว์เดรัจฉานไม่มี เป็นสติที่ใช้ในการ "เรียนรู้และพัฒนาตนเอง" ให้เกิดปัญญารู้ตามเป็นจริงตามหลักทางพุทธธรรม
ร้อยเรียงประสบการณ์เดิม
นิสิตทุกคนต้องรู้จัก "พลังงาน" และน่าจะเคยได้ยินเกี่ยวกับกฎธรรมชาติของการอนุรักษ์พลังงานที่ว่า "พลังงานจะไม่มีวันสูญหาย แต่อาจเปลี่ยนแปลงไปได้เป็นรูปแบบต่างๆ " เช่น พลังงานเคมีในน้ำมันเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อนจาการจุดระเบิด พลังงานความร้อนเปลี่ยนเป็นพลังงานกลของเครื่องยนต์รถ พลังงานกลจากเครื่องยนต์เปลี่ยนเป็นพลังงานจลน์ที่ทำให้รถเคลื่อนที่ด้วยความเร็ว หรือบางส่วนเปลี่ยนเป็นพลังงานเสียง เป็นต้น หรือใครรู้เรื่องระเบิดนิวเคลียร์ ก็ต้องรู้ว่า พลังงานสามารถเปลี่ยนเป็นมวล (E=mc^2)หรือมวลก็คือพลังงานรูปหนึ่งนั่นเอง โดยสรุป ทุกสิ่งทุกอย่างคือพลังงาน ในทีนี้ขอใช้คำว่า ทุกสิ่งทุกอย่างมี "พลัง" ในตัว
คำว่า "พลัง" ในที่นี้หมายถึง "พลังใจ" ในทีนี้คือ "พลังงาน" ในรูปแบบใดๆ ที่มนุษย์พอจะรู้สึกและสัมผัสรู้สึกได้ชัดเจนมากน้อยแตกต่างไปตามแต่คุณภาพและความละเอียดของใจแต่ละคน เรื่องนี้เป็นการยากยิ่งที่จะพิสูจน์ให้เห็นจริงด้วยการบอก หรือเรียนรู้จากคนอื่น เพราะดูเหมือนจะ "นอกเหตุ เหนือผล ของคนสมัยนี้" ที่เข้าใจว่า "วิทยาศาสตร์" ต้องสามารถวัดและเขียนเป็นตัวเลขได้เท่านั้น นิสิตจึงต้องพิสูจน์ด้วยการลงมือ เรียนรู้ดูกายดูใจของตนเอง ให้รู้เอง เห็นเอง ด้วยตนเองเท่านั้น
เติมประสบการณ์ใหม่ด้วยการใส่ใจรายละเอียด
เป้าหมายของการเรียนเรื่อง "มณฑลแห่งพลัง" ในระดับที่นำไปปรับใช้ในการเรียนรู้ในชีวิตประจำวัน คือ นิสิตสามารถรู้เท่าทันสิ่งแวดล้อมหรือสิ่งเร้าต่างๆ ที่เข้ามาสัมผัส รู้จักความเคยชิน กระแส และสมดุลในธรรมชาติ กิจกรรมที่นำมาใช้ในการเรียนรู้คือ การเขียนรูปด้วยมือข้างที่ไม่ถนัดเปรียบเทียบกับมือที่ถนัด การสะท้อนหลังกิจกรรม น่าจะทำให้นิสิตสังเกตเห็นพอสมควร นิสิตสะท้อนคล้ายๆ กันดังภาพ
ไม่มีความเห็น